โรค หนองในเทียม (Non-Gonococcal urethritis) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร

วันที่โพสต์:
feature-image-blurfeature-image

เขียนโดย

แชร์บทความ

share-optionshare-optionshare-optionshare-option

โรคหนองใน หนองในเทียม คืออะไร ?

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค

หนองในเทียม (Chlamydia) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดขึ้นจากการรับเชื้อแบคทีเรียผ่านจากคู่นอนที่ติดเชื้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมูกใสหรือหนองที่บริเวณอวัยวะเพศ หนองในเทียมอาจไม่ปรากฏอาการที่ชัดเจนในผู้ป่วยบางราย และ เป็นโรคที่พบมากในวัยรุ่น สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งเพศชายและเพศหญิง

อาการของโรค

อาการในเพศชาย

  • มีมูกใสหรือขุ่นไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ ซึ่งไม่ใช่ปัสสาวะหรือน้ำอสุจิ
  • มีอาการอักเสบที่บริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
  • รู้สึกเจ็บหรือแสบที่อวัยวะเพศขณะปัสสาวะ
  • รู้สึกปวดหรือมีการบวมที่ลูกอัณฑะ อาการในเพศหญิง ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ มีเพียง 30% ของผู้ป่วยในเพศหญิงที่จะมีอาการโดยมักแสดงอาการดังต่อไปนี้
  • มีตกขาวลักษณะผิดปกติและมีกลิ่นเหม็น
  • รู้สึกเจ็บหรือแสบที่อวัยวะเพศขณะปัสสาวะ
  • รู้สึกคันหรือแสบร้อนบริเวณรอบอวัยวะเพศ
  • รู้สึกเจ็บท้องน้อยเวลามีประจำเดือนหรือขณะมีเพศสัมพันธ์

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค

ขั้นแรกแพทย์จะซักประวัติและพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ของผู้ป่วย ร่วมกับการตรวจร่างกายเบื้องต้น ผู้ป่วยที่มีอาการหรือพบประวัติทางเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงสูง แพทย์จะให้ทำการรักษาทันที ส่วนในรายที่ประวัติเสี่ยงไม่ชัดและอาการไม่ชัดเจนแพทย์อาจทำการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง จากบริเวณที่มีการร่วมเพศเพื่อส่งตรวจ การเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งสามารถทำได้ 2 วิธี ดังต่อไปนี้

  • การเก็บตัวอย่างเชื้อไปตรวจ (Swab Test) คือการใช้ไม้พันสำลีเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งที่บริเวณปากมดลูก ปลายท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือลำคอ เพื่อนำไปตรวจหาเชื้อ
  • การทดสอบปัสสาวะ (Urine Test) คือการเก็บตัวอย่างปัสสาวะของผู้ป่วยไปตรวจ ควรเป็นปัสสาวะที่ทิ้งระยะจากการปัสสาวะครั้งล่าสุด 1-2 ชั่วโมง โดยปกติ การวินิจฉัยโรคและเก็บสิ่งส่งตรวจจะเสร็จสิ้นภายใน 1 วัน และจะทราบผลการเพาะเชื้อหลังการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งประมาณ 7-10 วัน ผู้ป่วยที่พบว่าตนเองติดเชื้อหนองในเทียม ควรตรวจเลือดหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ด้วย เช่น ไวรัสเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี และซิฟิลิส เป็นต้น รวมทั้งผู้ป่วยต้องแจ้งให้คู่นอนไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาเช่นเดียวกัน

แนวทางการดูแลรักษา

  • รับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยรักษาหรือป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายของแบคทีเรีย ตัวอย่างกลุ่มยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาหนองในเทียม คือ Azithromycin และ Doxycycline โดยจะต้องรับประทานยาจนครบ 7-10 วัน
  • ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ
  • รับประทานยาแก้ปวดหากมีอาการปวดหรือแสบ
  • งดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหายเป็นปกติ
  • ต้องรักษาคู่นอนร่วมด้วยเสมอ แม้ว่าจะไม่มีอาการก็ตาม

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ, กุมารแพทย์ โรคติดเชื้อ กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี

ข้อควรระวัง

หากผู้ป่วยมีการติดเชื้อหนองในเทียมแล้วไม่ได้รับการรักษา อาจจะมีโรคแทรกซ้อนที่สำคัญตามมา คือ อัณฑะอักเสบ ข้ออักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือ ทำให้แท้งได้ในหญิงตั้งครรภ์

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://hd.co.th/chlamydia-trachomatis-disease-and-treat    https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK535411/

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

ชาย | อายุ 22 ปี

หนองในเทียม (Non-Gonococcal urethritis)

  • ปัสสาวะแสบขัด
  • เจ็บเวลาปัสสาวะ
  • หนองใน
  • +1

เมื่อเดือนที่แล้ว ผมรู้สึกแสบขัดเวลาฉี่ฉี่สีเข้มและมีคล้ายมูกขาวๆออกมาจากอวัยวะเพศทำให้เลอะกางเกงในปกติก่อนที่จะเป็นไม่มีอาการดังกล่าวผมได้ปรึกษาเภสัชและได้ยามาทานคือชือการค้าSiximeทาน2เม็ดกับfloxtillทาน4เม็ดในวนันเดียวกัน__แต่หลังจากทานได้1วันผมก็ได้ไปดื่มเบียร์(ดื่มแค่1วัน)_ตอนนี้ผ่านมา1เดือนแล้วยังมีอาการแสบขัดนิดๆและมีมูกขาวๆออกมาคล้ายก่อนทานยา _แต่อาการแสบขัดลดลงแล้ว_ผมไม่มั่นในว่าตอนนี้ผมหายจากอาการหนองในรึยัง_อยากให้ช่วยรบกวนทีมแพทย์&เภสัชกร_วิเคราะห์ด้วยครับ

thumbs-up

0

ชาย | อายุ 22 ปี

หนองในเทียม (Non-Gonococcal urethritis)

  • ปัสสาวะแสบขัด
  • เจ็บเวลาปัสสาวะ
  • หนองใน
  • +1

1เดือนที่แล้ว เริ่มเป็นหนองใน ไม่ได้ป้องกัน จากนั้นปัสสาวะแสบๆขัดๆมา1-2อาทิตย์ แล้วหายแสบจากการปัสสาวะ แต่ยังมีหนองไหลออกมาอยู่เรื่อยๆ หลังจากนั้น1อาทิตย์ อัณฑะบวม จนไม่สามารถทำอะไรได้ 10 กว่าวัน จนถึงวันนี้ อัณฑะหายบวม ใช้ชิวิตได้ตามปกติ แต่ยัฃมีหนองไหลออกมาเรื่อยๆ ปัสสาวะตอนนี้ แสบบ้างเล็กน้อย เป็นบางครั้ง ไม่แสบเท่าตอนที่เป็นครั้งแรก ไม่กล้าไปหาหมดครับ ตอนนี้ก้อไม่หล้าไป ยารักษาก้อหาไม่ได้ แบบนี้มันจะหายแล้ว หรือว่าเรื้อรัง หรือเหตุผลอะไรครับ ขอบคุนครับ

thumbs-up

0

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด
article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • อัณฑะอักเสบ (Epididymo-orchitis)

อัณฑะอักเสบ (Epididymo-orchitis)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โรคอัณฑะอักเสบมีสาเหตุส่วนใหญ่จากการติดเชื้อ โดยเชื้อที่พบบ่อยแบ่งเป็น 1. เชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่ผ่านมาทางท่อปัสสาวะ เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางโครงสร้างของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อปัสสาวะตีบ หรือการคาสายสวนท่อปัสสาวะ 2. เชื้อแบคทีเรียก่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อโดยไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย อาการของโรค * ปวดอัณฑะแบบค่อยๆ ปวดมากขึ้น * อัณฑะบวมข้างเดียว โดยมักจะมีอาการก่อนมาโรงพยาบาลหลายวัน * มีอาการปวดเวลาปัสสา

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • เชื้อราในช่องคลอด (Candida vaginitis)

เชื้อราในช่องคลอด (Candida vaginitis)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โรคเชื้อราในช่องคลอดเกิดจากการติดเชื้อราภายในช่องคลอดหรือบริเวณปากช่องคลอด ทำให้เกิดการระคายเคืองและอาการคันอย่างรุนแรง แต่โรคนี้ไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยปกติทุกคนมีเชื้อราในช่องคลอดอยู่แล้วปริมาณน้อยๆซึ่งไม่ก่อให้เกิดโรค แต่เมื่อมีการเพิ่มจำนวนของเชื้อราขึ้นมากกว่าปกติจะทำให้สภาพภายในช่องคลอดเสียสมดุลและเกิดอาการของโรคขึ้นได้ โดยมีสาเหตุดังต่อไปนี้ * การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน จะไปลดปริมาณแบคทีเรียที่ดีในช่องคลอด และทำให้ค่าความเป็นกรดด่างภายในช่องคลอดเสียสมดุ

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • สงสัยภาวะตั้งครรภ์ (Pregnancy)

สงสัยภาวะตั้งครรภ์ (Pregnancy)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค การตั้งครรภ์ (Pregnancy) คือ ภาวะที่เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างไข่กับอสุจิ แล้วได้ตัวอ่อนเกิดขึ้นมา ในการตั้งครรภ์ปกติ ตัวอ่อนจะไปฝังอยู่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก และตัวอ่อนจะแบ่งตัวและพัฒนาเป็นอวัยวะต่าง ๆ จนเจริญเติบโตเป็นทารก ซึ่งผู้หญิงโดยทั่วไปที่มีประจำเดือนปกติและมาสม่ำเสมอทุก ๆ 28 - 30 วัน จะตั้งครรภ์ประมาณ 40 สัปดาห์ หรือประมาณ 280 วัน นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งล่าสุด อาการของโรค * ประจำเดือนขาด * มีอาการแพ้ท้อง ปรากฏในช่วงตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6 สัปดาห์

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ

ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ (Oligomenorrhea)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โดยทั่วไป รอบเดือนแต่ละรอบของผู้หญิงจะห่างกันประมาณ 21 - 35 วัน ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ คือ ภาวะที่มีการขาดประจำเดือน หรือประจำเดือนมาห่างกว่าปกติ อาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และไม่ใช่สัญญาณอันตรายเสมอไป ส่วนใหญ่มักเกิดกับวัยรุ่นและผู้หญิงที่ใกล้เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ตัวอย่างสาเหตุประจำเดือนมาน้อยอื่นๆ ได้แก่ * การตั้งครรภ์ ผู้ที่ตั้งครรภ์อาจมีเลือดออกจากช่องคลอดแบบกะปริบกะปรอยในช่วงแรก จากนั้นจะขาดประจำเดือนไป หากมีความเสี่ยงตั้งครรภ์ควรทำการตรวจการตั้งครรภ์

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • มะเร็งปากมดลูก (CA cervix)

มะเร็งปากมดลูก (CA cervix)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์สตรี เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในสตรีไทย และทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สาเหตุสำคัญของโรคนี้เกิดจากเชื้อ Human papilloma virus หรืออีกชื่อหนึ่งว่า เชื้อเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งอาจจะเคยได้รับเชื้อนี้แต่ร้อยละ 90 นั้นร่างกายสามารถกำจัดเชื้อออกไปได้เอง ขณะที่ผู้ที่ได้รับเชื้ออีกร้อยละ 10 ร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อได้หมด เชื้อนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อบริเ