โรค ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ (Oligomenorrhea) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร

วันที่โพสต์:
feature-image-blurfeature-image

เขียนโดย

แชร์บทความ

share-optionshare-optionshare-optionshare-option

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค

โดยทั่วไป รอบเดือนแต่ละรอบของผู้หญิงจะห่างกันประมาณ 21 - 35 วัน ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ คือ ภาวะที่มีการขาดประจำเดือน หรือประจำเดือนมาห่างกว่าปกติ อาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และไม่ใช่สัญญาณอันตรายเสมอไป ส่วนใหญ่มักเกิดกับวัยรุ่นและผู้หญิงที่ใกล้เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ตัวอย่างสาเหตุประจำเดือนมาน้อยอื่นๆ ได้แก่

  • การตั้งครรภ์ ผู้ที่ตั้งครรภ์อาจมีเลือดออกจากช่องคลอดแบบกะปริบกะปรอยในช่วงแรก จากนั้นจะขาดประจำเดือนไป หากมีความเสี่ยงตั้งครรภ์ควรทำการตรวจการตั้งครรภ์จากปัสสาวะก่อนเสมอ
  • การใช้ยาคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด หรือยาฝังคุมกำเนิด จะมีผลยับยั้งการตกไข่ในเพศหญิง ทำให้ผนังมดลูกบางลง เป็นเหตุให้ประจำเดือนมาน้อย หรือเกิดภาวะประจำเดือนขาดได้ โดยประจำเดือนจะกลับมาเป็นปกติได้หลังหยุดใช้การคุมกำเนิดไปแล้ว
  • ความเครียด หรือการออกกำลังกายมากเกินไป เมื่อเกิดภาวะเครียดสมองจะปรับเปลี่ยนฮอร์โมนที่ควบคุมรอบเดือน ส่งผลให้ประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มาเลย แต่จะกลับมามีประจำเดือนตามปกติหลังหายจากภาวะเครียดแล้ว
  • โรคทางกายอื่นๆ เช่น โรคถุงน้ำรังไข่ โรคไทรอยด์สูงหรือต่ำ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ รวมไปถึงการให้นมบุตร

อาการของโรค

  • ประจำเดือนขาด
  • ประจำเดือนมาห่างกว่าปกติ
  • ประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ เช่น มากะปริบกะปรอย หรือมาเพียงรอบละ 1 วัน

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค

แพทย์จะวินิจฉัยหาสาเหตุของประจำเดือนมาน้อยด้วยการซักประวัติการเจ็บป่วย ลักษณะของประจำเดือนก่อนหน้าหรือการรักษาก่อนหน้า ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ อาการร่วมอื่นๆ ยาที่กำลังรับประทาน ปริมาณการออกกำลังกาย และความเครียด โดยอาจมีการตรวจเพิ่มเติม ดังนี้

  • ตรวจการตั้งครรภ์ เพื่อวินิจฉัยว่าผู้ป่วยตั้งครรภ์หรือไม่
  • ตรวจเลือด เพื่อตรวจหาภาวะโลหิตจาง ปัญหาการแข็งตัวของเลือด ตรวจระดับไทรอยด์ฮอร์โมน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของประจำเดือนมาน้อยได้ นอกจากนั้นบางกรณีแพทย์อาจส่งตรวจระดับฮอร์โมนเพศเพื่อช่วยวินิจฉัยสาเหตุร่วมด้วยได้
  • ตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด เพื่อตรวจหาความผิดปกติของมดลูก รังไข่ และกระดูกเชิงกราน
  • ตรวจชิ้นเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial biopsy) โดยการขูดเนื้อเยื่อภายในโพรงมดลูกออกมาตรวจวินิจฉัย

แนวทางการดูแลรักษา

ประจำเดือนมาน้อยอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย และอาจไม่ใช่สัญญาณปัญหาสุขภาพร้ายแรง แพทย์จะพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมโดยรักษาที่ต้นเหตุก่อนถ้าหากหาสาเหตุได้ ส่วนกรณีที่ประจำเดือนมาน้อยโดยไม่มีสาเหตุ และเป็นติดต่อกันยาวนาน แพทย์อาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต เช่น การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด หรืออาจแนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิด เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิงให้เป็นปกติ ประจำเดือนก็จะกลับมาสม่ำเสมอดังเดิมได้

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

สูตินรีแพทย์, กุมารแพทย์ กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี

ข้อควรระวัง

หมั่นสังเกตว่าประจำเดือนมาเป็นปกติหรือไม่ เพราะบางกรณี ประจำเดือนที่มาน้อย มาผิดปกติ หรือมีอาการป่วยอื่นๆ เกิดขึ้นพร้อมกับประจำเดือน อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพภายใน

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.uptodate.com/contents/absent-or-irregular-periods-beyond-the-basics
https://www.pobpad.com/ประจำเดือนมาน้อย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด
article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • สงสัยภาวะตั้งครรภ์ (Pregnancy)

สงสัยภาวะตั้งครรภ์ (Pregnancy)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค การตั้งครรภ์ (Pregnancy) คือ ภาวะที่เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างไข่กับอสุจิ แล้วได้ตัวอ่อนเกิดขึ้นมา ในการตั้งครรภ์ปกติ ตัวอ่อนจะไปฝังอยู่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก และตัวอ่อนจะแบ่งตัวและพัฒนาเป็นอวัยวะต่าง ๆ จนเจริญเติบโตเป็นทารก ซึ่งผู้หญิงโดยทั่วไปที่มีประจำเดือนปกติและมาสม่ำเสมอทุก ๆ 28 - 30 วัน จะตั้งครรภ์ประมาณ 40 สัปดาห์ หรือประมาณ 280 วัน นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งล่าสุด อาการของโรค * ประจำเดือนขาด * มีอาการแพ้ท้อง ปรากฏในช่วงตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6 สัปดาห์

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • มะเร็งปากมดลูก (CA cervix)

มะเร็งปากมดลูก (CA cervix)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์สตรี เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในสตรีไทย และทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สาเหตุสำคัญของโรคนี้เกิดจากเชื้อ Human papilloma virus หรืออีกชื่อหนึ่งว่า เชื้อเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งอาจจะเคยได้รับเชื้อนี้แต่ร้อยละ 90 นั้นร่างกายสามารถกำจัดเชื้อออกไปได้เอง ขณะที่ผู้ที่ได้รับเชื้ออีกร้อยละ 10 ร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อได้หมด เชื้อนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อบริเ

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด (Abnormal vaginal bleeding unspecified)

ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด (Abnormal vaginal bleeding unspecified)

ประจำเดือน...มาเยอะ มาน้อย เสี่ยง มีภาวะเลือดออกผิดปกติ ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก(Abnormal uterine bleeding) นั้นหมายถึงการที่รอบประจำเดือนมีความผิดปกติ คลาดเคลื่อน รวมถึง ระยะเวลาที่มีประจำเดือน, ปริมาณเลือดที่ออกมา, ความห่างของแต่ละรอบเดือน มีความผิดปกติเกิดขึ้น โดยปกติแล้วนั้นรอบเดือนควรจะมีทุกๆ 24-38 วัน โดยระยะเวลาที่มีเลือดระดูออกมานั้นอยู่ที่ 3-8 วัน รวมถึงความผิดปกติของเลือดระดูที่ออกมานั้นถ้ามีเลือดออกในช่วงระหว่างรอบเดือน, หลังจากการมีเพศสัมพันธ์,

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • ภาวะหมดประจำเดือน/วัยทอง (Menopause)

ภาวะหมดประจำเดือน/วัยทอง (Menopause)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค วัยหมดประจำเดือน หรือวัยหมดระดู หมายถึง สตรีในวัย 40 – 59 ปี ที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ลดลงเนื่องจากรังไข่หยุดทำงาน ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นในหญิงทุกคนตามธรรมชาติ ทำให้สิ้นสุดการมีประจำเดือนอย่างถาวรร่วมด้วยกับการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาอื่นๆตามมา เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคกระดูกพรุน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น อาการของโรค อาการระยะสั้น * ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาติดกันหรือห่างจากกันมาก หรือเลือดออกช่องคลอดกะปริบกะปรอยได้ * อาการร้อนวูบวาบ * นอนไม่หลั