โรค ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด (Abnormal vaginal bleeding unspecified) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร

วันที่โพสต์:
feature-image-blurfeature-image

เขียนโดย

แชร์บทความ

share-optionshare-optionshare-optionshare-option

ประจำเดือน...มาเยอะ มาน้อย เสี่ยง มีภาวะเลือดออกผิดปกติ

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค

ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก(Abnormal uterine bleeding) นั้นหมายถึงการที่รอบประจำเดือนมีความผิดปกติ คลาดเคลื่อน รวมถึง ระยะเวลาที่มีประจำเดือน, ปริมาณเลือดที่ออกมา, ความห่างของแต่ละรอบเดือน มีความผิดปกติเกิดขึ้น โดยปกติแล้วนั้นรอบเดือนควรจะมีทุกๆ 24-38 วัน โดยระยะเวลาที่มีเลือดระดูออกมานั้นอยู่ที่ 3-8 วัน รวมถึงความผิดปกติของเลือดระดูที่ออกมานั้นถ้ามีเลือดออกในช่วงระหว่างรอบเดือน, หลังจากการมีเพศสัมพันธ์, เลือดออกในวัยหมดระดู, เลือดออกในวัยก่อนมีระดู หรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอยก่อนหรือหลังรอบเดือนมานั้น ถือว่ามีความผิดปกติทั้งสิ้น ซึ่งถ้ามีเลือดออกผิดปกติมานานมากกว่า 6 เดือนถือว่าเป็นภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกแบบเรื้อรัง สาเหตุนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ

  • มีความผิดปกติเกี่ยวกับโครงสร้างทางกายภาพเช่น การมีติ่งเนื้อในโพรงมดลูก, มีภาวะพังผืดในกล้ามเนื้อมดลูก, มีเนื้องอกของกล้ามเนื้อมดลูก, มะเร็ง หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตมากกว่าปกติ
  • มีความผิดปกติที่ไม่ได้เกิดจากทางกายภาพเช่น มีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติทำให้เลือดหยุดไหลได้ช้า, มีการตกไข่ที่ผิดปกติ, มีความผิดปกติของเยื่อบุโพรงมดลูกในการควบคุมการหยุดไหลของเลือดประจำเดือน, สาเหตุจากยาหรือสารเคมีต่างๆที่มารบกวนสรีรวิทยาของรอบเดือน เป็นต้น

อาการของโรค

สตรีที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติจากมดลูก อาจมาด้วยรูปแบบของประจ่าเดือนผิดปกติได้หลายรูปแบบ เช่น

  • รอบประจ่าเดือนไม่สม่ำเสมอ ระยะห่างระหว่างรอบเดือนสั้นกว่า 21 วัน หรือนานกว่า 35 วัน
  • รอบประจ่าเดือนกะปริบกะปรอย ปริมาณเลือดที่ออกแต่ละครั้งมีมากหรือน้อยแล้วแต่กรณี ในกรณีที่มีรอบประจำเดือนออกมากและกะปริบกะปรอยเป็นระยะยาวนาน อาจมาด้วยอาการซีด, อ่อนเพลีย, หน้ามืดร่วมด้วยได้

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค

  • การตรวจภายใน เพื่อหารอยโรคในช่องคลอด ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก เนื้องอกมดลูก
  • การตรวจอัลตราซาวนด์ มีจุดประสงค์หลักคือ การตรวจหารอยโรคในโพรงมดลูก กล้ามเนื้อมดลูกและรังไข่ ซึ่งสามารถท่าได้ทั้งทางช่องคลอดและทวารหนัก ซึ่งจะให้ผลการตรวจที่ชัดเจนกว่าการตรวจอัลตร้าซาวนด์ทางหน้าท้อง
  • ตรวจอัลตราซาวนด์พร้อมกับฉีดน้ำเกลือเข้าโพรงมดลูก ช่วยเพิ่มความแม่นย่าในการตรวจหารอยโรคในโพรงมดลูก โดยน้ำเกลือที่ฉีดเข้าในโพรงมดลูกจะเข้าไปล้อมรอบรอยโรคท่าให้มองเห็นรอยโรคแยกออกจากเยื่อบุมดลูกได้ชัดเจนขึ้น
  • การดูดชิ้นเนื้อในโพรงมดลูก เป็นการดูดชิ้นเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อนำเซลล์ดังกล่าวมาตรวจทางพยาธิวิทยา โดยวิธีนี้มีความเจ็บปวดน้อยกว่าการขูดมดลูกสามารถทำการตรวจได้โดยไม่ต้องดมยาสลบหรือยาระงับความเจ็บปวด สามารถท่าได้ในห้องตรวจจึงเป็นการตรวจที่ทำมากขึ้น เพื่อทดแทนการขูดมดลูก
  • การขูดมดลูก จะทำเพื่อการรักษาเพื่อหยุดเลือด ร่วมกับการวินิจฉัยชิ้นเนื้อจากโพรงมดลูก
  • การตรวจโดยการส่องกล้องในโพรงมดลูก เป็นวิธีที่มีความแม่นย่าสูงสุดและยังสามารถให้การรักษาได้ในคราวเดียวกัน แต่มีข้อจำกัดคือ เป็นการตรวจที่มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องการนรีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ทำการตรวจ

แนวทางการดูแลรักษา

การรักษาภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกขึ้นอยู่กับสาเหตุของการมีเลือดนั้นๆเป็นหลัก ซึ่งต้องเกิดจากการตรวจเพิ่มเติมต่อไปก่อน การรักษาในปัจจุบันจะประกอบไปด้วย วิธีการต่างๆดังต่อไปนี้

  • การรับประทานยาคุมกำเนิด เพื่อเป็นการปรับฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการมีรอบประจำเดือน
  • การสอดใส่เครื่องมือเข้าไปในโพรงมดลูก (intrauterine device) เพื่อให้หลั่งฮอร์โมน progestin
  • การผ่าตัดเพื่อกำจัดสาเหตุของการมีเลือดออกผิดปกติ เช่นการผ่าตัดเอาก้อนหรือติ่งเนื้อภายในมดลูกออกไป

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

สูตินรีแพทย์, กุมารแพทย์ กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี

ข้อควรระวัง

ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกเกิดได้จากหลายสาเหตุมากมาย ซึ่งสาเหตุเป็นได้ตั้งแต่สาเหตุเล็กน้อยไปจนถึงสาเหตุที่อันตราย เช่น มะเร็งปากมดลูก ดังนั้นผู้ที่มีอาการควรเข้าไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาสาเหตุนั้นๆต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=665 https://www.acog.org/womens-health/faqs/abnormal-uterine-bleeding

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด
article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • สงสัยภาวะตั้งครรภ์ (Pregnancy)

สงสัยภาวะตั้งครรภ์ (Pregnancy)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค การตั้งครรภ์ (Pregnancy) คือ ภาวะที่เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างไข่กับอสุจิ แล้วได้ตัวอ่อนเกิดขึ้นมา ในการตั้งครรภ์ปกติ ตัวอ่อนจะไปฝังอยู่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก และตัวอ่อนจะแบ่งตัวและพัฒนาเป็นอวัยวะต่าง ๆ จนเจริญเติบโตเป็นทารก ซึ่งผู้หญิงโดยทั่วไปที่มีประจำเดือนปกติและมาสม่ำเสมอทุก ๆ 28 - 30 วัน จะตั้งครรภ์ประมาณ 40 สัปดาห์ หรือประมาณ 280 วัน นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งล่าสุด อาการของโรค * ประจำเดือนขาด * มีอาการแพ้ท้อง ปรากฏในช่วงตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6 สัปดาห์

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ

ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ (Oligomenorrhea)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โดยทั่วไป รอบเดือนแต่ละรอบของผู้หญิงจะห่างกันประมาณ 21 - 35 วัน ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ คือ ภาวะที่มีการขาดประจำเดือน หรือประจำเดือนมาห่างกว่าปกติ อาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และไม่ใช่สัญญาณอันตรายเสมอไป ส่วนใหญ่มักเกิดกับวัยรุ่นและผู้หญิงที่ใกล้เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ตัวอย่างสาเหตุประจำเดือนมาน้อยอื่นๆ ได้แก่ * การตั้งครรภ์ ผู้ที่ตั้งครรภ์อาจมีเลือดออกจากช่องคลอดแบบกะปริบกะปรอยในช่วงแรก จากนั้นจะขาดประจำเดือนไป หากมีความเสี่ยงตั้งครรภ์ควรทำการตรวจการตั้งครรภ์

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • มะเร็งปากมดลูก (CA cervix)

มะเร็งปากมดลูก (CA cervix)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์สตรี เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในสตรีไทย และทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สาเหตุสำคัญของโรคนี้เกิดจากเชื้อ Human papilloma virus หรืออีกชื่อหนึ่งว่า เชื้อเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งอาจจะเคยได้รับเชื้อนี้แต่ร้อยละ 90 นั้นร่างกายสามารถกำจัดเชื้อออกไปได้เอง ขณะที่ผู้ที่ได้รับเชื้ออีกร้อยละ 10 ร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อได้หมด เชื้อนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อบริเ

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • ภาวะหมดประจำเดือน/วัยทอง (Menopause)

ภาวะหมดประจำเดือน/วัยทอง (Menopause)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค วัยหมดประจำเดือน หรือวัยหมดระดู หมายถึง สตรีในวัย 40 – 59 ปี ที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ลดลงเนื่องจากรังไข่หยุดทำงาน ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นในหญิงทุกคนตามธรรมชาติ ทำให้สิ้นสุดการมีประจำเดือนอย่างถาวรร่วมด้วยกับการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาอื่นๆตามมา เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคกระดูกพรุน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น อาการของโรค อาการระยะสั้น * ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาติดกันหรือห่างจากกันมาก หรือเลือดออกช่องคลอดกะปริบกะปรอยได้ * อาการร้อนวูบวาบ * นอนไม่หลั