โรค ลำไส้อุดตัน (Gut Obstruction) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร

วันที่โพสต์:
feature-image-blurfeature-image

เขียนโดย

แชร์บทความ

share-optionshare-optionshare-optionshare-option

ลำไส้อุดตัน ใครว่าไม่อันตราย

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค

ลำไส้อุดตัน (Gut Obstruction) เป็นคำเรียกรวมของภาวะที่มีการอุดตันของลำไส้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของลำไส้ใหญ่หรือลำไส้เล็ก เกิดได้จากภาวะที่มีสิ่งอุดตันหรือมีการรบกวนการบีบตัวของลำไส้ ทำให้อาหารหรือของเหลวต่าง ๆ เคลื่อนผ่านไม่ได้ตามปกติ ทำให้เกิดอาการต่างๆขึ้นมา อาการที่เกิดขึ้นมักบอกถึงตำแหน่งการอุดตันของลำไส้ โดยลำไส้อาจเกิดการอุดตันเพียงบางส่วน หรือ อุดตันได้ทั้งหมด เมื่อลำไส้เกิดการอุดตันเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงลำไส้ส่วนนั้น มักจะโดนยับยั้งเช่นกัน ทำให้ลำไส้ส่วนนั้นเกิดการตายได้ สาเหตุของลำไส้อุดตันสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ท้องผูกรุนแรง พังผืดในลำไส้ ลำไส้ทำงานผิดปกติ มะเร็งในลำไส้ เป็นต้น

อาการของโรค

ลำไส้อุดตันอาจแสดงออกได้หลายอาการขึ้นอยู่กับตำแหน่งของลำไส้ที่อุดตัน เช่น

  • เบื่ออาหาร
  • ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
  • ช่องท้องมีเสียงดังผิดปกติ อาการซึ่งเป็นผลมาจากการอุดตันที่ลำไส้เล็ก เช่น
  • ปวดท้องรุนแรงบริเวณใต้ซี่โครง หรือ สะดือ มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ไม่สามารถผายลมได้
  • ท้องโต ท้องอืด แน่นท้อง หรือ อาจกดแล้วเจ็บที่บริเวณท้อง อาการที่เป็นผลมาจากการอุดตันที่ลำไส้ใหญ่
  • ท้องอืด แน่นท้อง
  • ปวดท้อง อาการจะรุนแรงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการอุดตัน
  • ท้องผูกในช่วงที่เกิดการอุดตันของลำไส้หรือก่อนหน้านั้นเป็นเวลาหลายเดือน
  • เลือดออกทางทวารหนัก
  • ท้องเสียหรือท้องร่วง ของเหลวในอุจจาระเล็ดลอดผ่านลำไส้ที่เกิดการอุดตันเพียงบางส่วน

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค

  • การเอกซเรย์ที่บริเวณช่องท้อง (Abdomen series) เพื่อยืนยันการเกิดลำไส้อุดตัน
  • การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เพื่อการวินิจฉัยหาสาเหตุและตำแหน่งที่ลำไส้อุดตัน
  • การอัลตราซาวด์ (Ultrasound abdomen) มักใช้วินิจฉัยลำไส้อุดตันที่พบในเด็กหรือเด็กที่มีภาวะลำไส้กลืนกันร่วมด้วย
  • การสวนโดยใช้ลมหรือแป้งแบเรี่ยม (Barium enema) เข้าไปที่ลำไส้ผ่านทางทวารหนักเพื่อแสดงลักษณะของลำไส้
  • การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และทวารหนัก (Colonoscopy) ในกรณีที่ลำไส้ใหญ่อุดตัน

แนวทางการดูแลรักษา

โดยส่วนใหญ่ การรักษาลำไส้อุดตันมักต้องผ่าตัด แต่จะมีทางเลือกในการรักษาลำไส้อุดตันตามสาเหตุและอาการของผู้ป่วย โดยมีแนวทางดังต่อไปนี้

  • การใส่สายยางผ่านทางจมูก (NG tube) เพื่อดูดเอาอากาศและของเหลวออกจากกระเพาะอาหารทำให้อาการบวมที่บริเวณช่องท้องลดลง และบรรเทาอาการปวดและอืดแน่นท้อง
  • การรักษาลำไส้อุดตันบางส่วน (Partial gut obstruction) ในขั้นนี้ น้ำหรืออาหารยังเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ได้บ้าง แพทย์อาจให้รับประทานเหลวในระยะแรก หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น อาจจะไม่มีความจำเป็นในการผ่าตัด หากพบว่าอาการไม่ดีขึ้นอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมด้วย
  • การรักษาลำไส้อุดตันทั้งหมด (Complete gut obstruction) ในขั้นนี้น้ำหรืออาหารจะไม่สามารถเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ได้เลย แพทย์จะผ่าตัดเพื่อนำสิ่งอุดตันออกจากลำไส้ หรือ ผ่าตัดลำไส้ส่วนที่เสียหายออก

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

ศัลยแพทย์, ศัลยแพทย์เด็ก กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี

ข้อควรระวัง

ผู้ป่วยที่มีอาการที่เข้าได้กับลำไส้อุดตันควรรีบไปพบแพทย์หากมีอาการปวดท้องรุนแรง หรืออาการอื่น ๆ ของภาวะลำไส้อุดตัน ถ้าปล่อยไว้หรือไม่รักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่นเนื้อเยื่อลำไส้ขาดเลือดจนตายที่มีอาการรุนแรงหรือเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://med.mahidol.ac.th/th/vdo/healthclip/29oct2020-1051

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด
article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ลำไส้อักเสบ (Non-bacterial gastroenteritis)

ลำไส้อักเสบ (Non-bacterial gastroenteritis)

ลำไส้อักเสบ ต้องไปหาหมอเลยไหม? ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ลำไส้อักเสบ ที่การอักเสบไม่ได้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไว้รัส การติดเชื้อสามารถทำให้มีอาการท้องเสีย และ อาเจียนได้ ลำไส้อักเสบสามารถเกิดได้ทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก สาเหตุของการติดเชื้อมาจาการสัมผัสที่ติดเชื้อมาก่อนหรือพื้นผิวสิ่งของต่างๆที่มีเชื้อโรคอยู่ แล้วไม่ได้ล้างมือจนเป็นสาเหตุทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ หรือการติดเชื้ออีกทางเกิดจากการทานอาหารที่มีเชื้อโรคอยู่โดยตรง อาการของโรค การติดเชื้อในลำไส้ทำให้มีอาการท

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ภาวะฉุกเฉินทางช่องท้อง (Secondary Bacterial Peritonitis)

ภาวะฉุกเฉินทางช่องท้อง (Secondary Bacterial Peritonitis)

ภาวะฉุกเฉินทางช่องท้อง คืออะไร? ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ภาวะฉุกเฉินทางช่องท้อง หรือโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบทุติยภูมิ (Secondary Bacterial peritonitis) เป็นโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากพยาธิสภาพที่ชัดเจนในช่องท้องที่ทำให้เกิดการอักเสบ ตัวอย่างเช่น แผลในกระเพาะอาหารทะลุ, ไส้ติ่งอักเสบจนแตก, ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสามารถเกิดได้จากสาเหตุใดๆ ก็ตามที่ทำให้อวัยวะภายในช่องท้องเกิดการฉีกขาด จนทำให้เกิดการติดเชื้อภายในช่องท้องตามมาได้ การอักเสบที่เกิดขึ้นเกิดมาจากการระคายเคืองจากสารต

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ริดสีดวงทวาร ที่มีภาวะแทรกซ้อน (Strangulated/Thrombosed Hemorrhoids)

ริดสีดวงทวาร ที่มีภาวะแทรกซ้อน (Strangulated/Thrombosed Hemorrhoids)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ริดสีดวงทวาร หมายถึง การมีกลุ่มของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่และที่ขอบรูทวารหนักโป่งพองและยื่นออกมา แบ่งเป็น 2 ชนิด 1. ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายใน หมายถึง ริดสีดวงทวารที่เกิดเหนือทวารหนักขึ้นไปตามปกติจะไม่โผล่ออกมาให้เห็น และ คลำไม่ได้และมักจะถูกคลุมด้วยเยื่อลำไส้ใหญ่ตอนปลายสุด จะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในขณะที่ยังไม่มีอาการแทรกซ้อน 2. ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายนอก หมายถึง ริดสีดวงที่เกิดขึ้นบริเวณปากรอยย่นของทวารหนัก สามารถมองเห็น และ คลำได้หลอดเลือดที่โป่งพ

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ไส้เลื่อนขาหนีบที่มีภาวะแทรกซ้อน (Complicated Inguinal Hernia)

ไส้เลื่อนขาหนีบที่มีภาวะแทรกซ้อน (Complicated Inguinal Hernia)

ไส้เลื่อนขาหนีบที่มีภาวะแทรกซ้อน คุณผู้ชายควรอ่านไว้ก่อน! ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ไส้เลื่อน (Hernia) คือ ภาวะที่ลำไส้เคลื่อนตัวออกมาจากตำแหน่งเดิม และทำให้เห็นเป็นลักษณะคล้ายก้อนตุง ซึ่งเกิดจากความอ่อนแอของผนังช่องท้องที่มีมาแต่กำเนิด หรือเกิดภายหลังเช่น จากการผ่าตัด ภาวะแรงดันที่มากผิดปกติภายในช่องท้อง เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ อาทิ เบ่งจากภาวะท้องผูก การไอหรือจาม การยกของหนัก โดยภาวะไส้เลื่อนสามารถแบ่งออกเป็นประเภทตามบริเวณตำแหน่งการเกิดโรคที่พบได้บ่อยดังนี้ * ไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ (Ingu

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ไวรัสตับอักเสบเฉียบพลัน (Acute Viral Hepatitis)

ไวรัสตับอักเสบเฉียบพลัน (Acute Viral Hepatitis)

ตับอักเสบเฉียบพลัน ภัยคุกคามใกล้ตัว! ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย โดยปกติจะอยู่หลังกระบังลมด้านขวาของร่างกาย หน้าที่ของตับเช่น เป็นคลังสะสมอาหาร เช่น แป้ง ไขมัน โปรตีน เอาไว้ใช้ และ ปล่อยเมื่อร่างกายต้องการ, สังเคราะห์สารต่างๆ เช่น น้ำดี สารควบคุมการแข็งตัวของเลือด ฮอร์โมน และ กำจัดสารพิษหรือสิ่งแปลกปลอม เช่นเชื้อโรค หรือยา โรคไวรัสตับเสบเกิดจากการติดเชื้อตับอักเสบ ปัจจุบันมีเชื้อไวรัสตับอักเสบที่สำคัญ 5 ชนิดคือ เอ, บี, ซี, ดี, และ อี ซึ่งสามารถทำให้เกิดโรคตับอ