โรค ริดสีดวงทวาร ที่มีภาวะแทรกซ้อน (Strangulated/Thrombosed Hemorrhoids) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร

วันที่โพสต์:
feature-image-blurfeature-image

เขียนโดย

แชร์บทความ

share-optionshare-optionshare-optionshare-option

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค

ริดสีดวงทวาร หมายถึง การมีกลุ่มของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่และที่ขอบรูทวารหนักโป่งพองและยื่นออกมา แบ่งเป็น 2 ชนิด

  1. ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายใน หมายถึง ริดสีดวงทวารที่เกิดเหนือทวารหนักขึ้นไปตามปกติจะไม่โผล่ออกมาให้เห็น และ คลำไม่ได้และมักจะถูกคลุมด้วยเยื่อลำไส้ใหญ่ตอนปลายสุด จะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในขณะที่ยังไม่มีอาการแทรกซ้อน
  2. ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายนอก หมายถึง ริดสีดวงที่เกิดขึ้นบริเวณปากรอยย่นของทวารหนัก สามารถมองเห็น และ คลำได้หลอดเลือดที่โป่งพองจะถูกคลุมด้วยผิวหนังจึงอาจเกิดความเจ็บปวดได้ เพราะผิวหนังมีปลายประสาทรับความรู้สึก สาเหตุของโรคริดสีดวงทวารโรคริดสีดวงทวารยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนถึงสาเหตุการเกิด แต่มีความเกี่ยวข้องกับแรงดันที่เพิ่มมากขึ้นของเส้นเลือดบริเวณทวารหนัก ทำให้เส้นเลือดเกิดการบวมหรือนูนจากแรงดันที่มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเบ่งอุจจาระอย่างรุนแรง การนั่งถ่ายอุจจาระเป็นเวลานาน โรคอุจจาระร่วงเรื้อรัง อาการท้องผูก การตั้งครรภ์ โรคอ้วน การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย หรือแม้แต่เนื้อเยื่อที่รองรับเส้นเลือดบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายและทวารหนักเกิดการเสื่อมหรือขยายตัว ริดสีดวงทวารที่มีภาวะแทรกซ้อน คือเกิดเส้นเลือดขอดบริเวณทวารหนักจนทำให้เกิดหลอดเลือดบวม และ มีการจับตัวเป็นลิ่มเลือด และ กลายเป็นก้อนแข็งที่เรียกว่า ภาวะธรอมโบซิส (Thrombosis) และ ไม่สามารถดันกลับได้ด้วยตัวเอง

อาการของโรค

อาการของริดสีดวงทวารสามารถแบ่งได้ 4 ระยะด้วยกัน ซึ่งอาการของริดสีดวงทวารที่มีภาวะแทรกซ้อนก็คือระยะที่ 4 นั่นเอง ดังนี้ ระยะที่ 1 - มีเส้นเลือดดำโป่งพอง ในทวารหนักเวลาเบ่งถ่ายอุจจาระจะมีเลือดไหลออกมาด้วย ถ้าท้องผูกเลือดจะออกมากยิ่งขึ้น ระยะที่ 2 - อาการมากขึ้น หัวริดสีดวงทวารโตมากขึ้นเริ่มโผล่ออกมาพ้นทวารหนักแล้วเล็กน้อย เวลาเบ่งอุจจาระจะออกมาให้เห็นมากขึ้นแต่เวลาถ่ายอุจจาระเสร็จแล้วจะหดกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้เอง ระยะที่ 3 – อาการรุนแรงมากยิ่งขึ้น เวลาถ่ายอุจจาระหัวริดสีดวงทวารจะโผล่ออกมามากกว่าเดิม หรือเวลาจาม ไอยกสิ่งของหนัก ๆ ที่ความเกร็ง เบ่งในท้องเกิดขึ้นหัวริดสีดวงทวารจะออกมาข้างนอกทวารหนักแล้วก็กลับเข้าที่เดิมไม่ได้ ต้องเอานิ้วมือดันๆ เข้าไปถึงจะเข้าไปอยู่ภายในทวารหนักได้ ระยะที่ 4 - ริดสีดวงกำเริบมาก โตมากขึ้น มองเห็นได้จากภายนอกอย่างชัดเจนเกิดอาการบวม อักเสบ อาการแทรกซ้อน รุนแรงมาก มีเลือดออกมาเสมอ อาจมีน้ำเหลืองเมือกลื่น และ อุจจาระก็ยังตามออกมาอีกด้วยทำให้เกิดความสกปรก และ มีอาการเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา อาจเกิดอาการคันด้วย บางทีอาจเน่าและอักเสบมากยิ่งขึ้น การติดเชื้อโรคเป็นไปได้ง่าย และ เมื่อเลือดออกมาเรื่อย ๆ จะเกิดอาการซีด มีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลดลง จะเกิดอาการหน้ามืด

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค

การวินิจฉัยใช้การซักประวัติและตรวจร่างกายเป็นหลักถ้าเป็นริดสีดวงชนิดภายนอกและริดสีดวงทวารที่มีภาวะแทรกซ้อนสามารถตรวจพบได้ทันที แต่ในกรณีที่เป็นริดสีดวงชนิดภายใน อาจจะต้องมีการตรวจทางทวารหนักด้วยการใช้นิ้วสอดและการส่องกล้องพิเศษประเภทอื่น ๆ เพื่อหาความผิดปกติและวินิจฉัยแยกโรคที่ถูกต้องเช่น

  • เอโนสโคป (Anoscope)
  • พรอคโตสโคป (Proctoscope)
  • กล้องส่องลำไส้ส่วนซิกมอยน์ (Sigmoidoscopy)

แนวทางการดูแลรักษา

  • ระวังอย่าให้ท้องผูก ควรดื่มน้ำมาก ๆ และกินผักผลไม้มาก ๆ ถ้ายังท้องผูกอาจจะพิจารณาการทานยาระบาย
  • ถ้าปวดมากเนื่องจากมีการอักเสบ ให้กินยาแก้ปวด นั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด ๆ วันละ 2-3 ครั้ง ๆ ละ 15-30 นาที และใช้ยาเหน็บริดสีดวงทวารจนอาการบรรเทาปกติใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน
  • ถ้าผู้ป่วยมีอาการซีด พิจารณาให้ยาบำรุงเลือดเสริมธาตุเหล็ก
  • ถ้าหัวริดสีดวงหลุดออกข้างนอกให้ใส่ถุงมือใช้ปลายนิ้วชุบสบู่ให้หล่อลื่นแล้วดันหัวกลับเข้าไป
  • ถ้าเป็นมากอาจพิจารณารักษาด้วยวิธีต่อไปนี้
  • การฉีดยาเข้าที่หัวให้ฝ่อไป
  • ใช้ยางรัด ทำให้หัวฝ่อ
  • ใช้แสงเลเซอร์รักษา
  • รักษาโดยการผ่าตัด

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

ศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก, ศัลยแพทย์เด็ก กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี

ข้อควรระวัง

ผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้กับโรคริดสิดวงทวารที่มีภาวะแทรกซ้อน ตามกล่าวข้างต้นควรพบแพทย์ทันที

ข้อมูลเพิ่มเติม

http://www.rcst.or.th/web-upload/filecenter/CPG/Hemorrhoid.html

บทความที่เกี่ยวข้อง

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ไส้เลื่อนขาหนีบที่มีภาวะแทรกซ้อน (Complicated Inguinal Hernia)

ไส้เลื่อนขาหนีบที่มีภาวะแทรกซ้อน (Complicated Inguinal Hernia)

ไส้เลื่อนขาหนีบที่มีภาวะแทรกซ้อน คุณผู้ชายควรอ่านไว้ก่อน! ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ไส้เลื่อน (Hernia) คือ ภาวะที่ลำไส้เคลื่อนตัวออกมาจากตำแหน่งเดิม และทำให้เห็นเป็นลักษณะคล้ายก้อนตุง ซึ่งเกิดจากความอ่อนแอของผนังช่องท้องที่มีมาแต่กำเนิด หรือเกิดภายหลังเช่น จากการผ่าตัด ภาวะแรงดันที่มากผิดปกติภายในช่องท้อง เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ อาทิ เบ่งจากภาวะท้องผูก การไอหรือจาม การยกของหนัก โดยภาวะไส้เลื่อนสามารถแบ่งออกเป็นประเภทตามบริเวณตำแหน่งการเกิดโรคที่พบได้บ่อยดังนี้ * ไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ (Ingu

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ท้องผูก (Constipation (unspecified))

ท้องผูก (Constipation (unspecified))

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ท้องผูกเป็นปัญหาที่พบเจอได้ทั่วไป ซึ่งเป็นคำเรียกของการถ่ายอุจจาระยากกว่าปกติ รวมไปถึงอาการของ อุจจาระแข็งมากกว่าปกติ อุจจาระเล็กกว่าปกติ การถ่ายอุจจาระยากกว่าปกติ และการถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ สาเหตุของท้องผูกที่พบเจอได้บ่อยเช่น ผลข้างเคียงจากการทานยา, การรับประทานอาหารน้อยกว่าปกติ และ โรคทางระบบทางเดินอาหาร อาการของโรค อาการของท้องผูกคืออุจจาระแข็งมากกว่าปกติ อุจจาระเล็กกว่าปกติ การถ่ายอุจจาระยากกว่าปกติ และการถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ควรเฝ้าระว

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (Acute cholecystitis)

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (Acute cholecystitis)

ปวดท้องรุนแรง จุกเสียดแน่นท้องบริเวณลิ้นปี่ เสี่ยงถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ! ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ถุงน้ำดี คือ อวัยวะภายในร่างกาย อยู่บริเวณส่วนล่างของตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ไว้เก็บน้ำดีที่สร้างมาจากตับ โดยที่น้ำดีเป็นน้ำมีส่วนสำคัญในการช่วยย่อยไขมันที่เรารับประทานเข้าไปเพื่อสร้างเป็นพลังงานต่อไป หากเกิดการอุดตันของน้ำดี จะส่งผลให้ถุงน้ำดีบวม อักเสบ และ เกิดอาการปวดได้ การอุดตันของน้ำดีมักมีสาเหตุมาจากนิ่วอุดตันในท่อถุงน้ำดี รวมไปถึงปัญหาเกี่ยวกับท่อน้ำดีและเนื้องอกอื่น ๆ อาการของโรค

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • กระเพาะอาหารอักเสบ (Dyspepsia)

กระเพาะอาหารอักเสบ (Dyspepsia)

ปวดท้องตรงกลาง...เสี่ยงกระเพาะอาหารอักเสบติดเชื้อ? ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค กระเพาะอาหารอักเสบหรือโรคกระเพาะ เกิดจากการอักเสบ หรือ เกิดการระคายเคือง บริเวณเยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร สามารถเกิดขึ้นได้แบบเฉียบพลันในระยะเวลารวดเร็ว และ หายภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือ มีอาการบ่อยครั้งเป็นระยะเวลานานจนเกิดการอักเสบเรื้อรัง ทำให้เกิดแผล และ เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ โรคกระเพาะอาหารอักเสบยังไม่พบสาเหตุการเกิดโรคที่ชัดเจน แต่สันนิษฐานว่าอาจเกิดได้จาก 2 สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่ การ