โรค กล้ามเนื้ออักเสบ (Muscle strain) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร

วันที่โพสต์:
feature-image-blurfeature-image

เขียนโดย

แชร์บทความ

share-optionshare-optionshare-optionshare-option

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค

กล้ามเนื้ออักเสบสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อกล้ามเนื้อยืดมากเกินไป, เร็วเกินไป หรือ มีการใช้งานมากเกินไป ซึ่งสามารถทำให้เส้นใยกล้ามเนื้อฉีกขาด กล้ามเนื้ออักเสบสามารถเกิดขึ้นระหว่างการออกกำลังกาย เกิดจากอุบัติเหตุ มัดกล้ามเนื้ออักเสบคือ กล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อคอ กล้ามเนื้อต้นขา

อาการของโรค

อาการของกล้ามเนื้ออักเสบมีได้ดังต่อไปนี้

  • ปวดกล้ามเนื้อ
  • กล้ามเนื้อตึงหรือเกร็งค้างคล้ายตะคริว
  • บวม
  • อ่อนล้ากล้ามเนื้อ ไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อนั้นๆได้

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค

กล้ามเนื้ออักเสบสามารถวินิจฉัยได้จากการซักประวัติและตรวจร่างกาย ในบางคนอาจมีความจำเป็นในการตรวจเพิ่มเติมถ้าแพทย์สงสัยโรคอื่นๆที่สามารถมีอาการคล้ายกันได้ เช่น

  • การตรวจอัลตราซาวน์ (Ultrasound)
  • การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เอ็มอาร์ไอ (MRI scan)

แนวทางการดูแลรักษา

การรักษากล้ามเนื้ออักเสบที่เกิดจากสาเหตุทั่วไป จากการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน สามารถรักษาหรือบรรเทาอาการกล้ามเนื้ออักเสบได้ด้วยต้วเองที่บ้าน โดยวิธีการดังนี้

  • พักผ่อนร่างกายจากกิจกรรมที่เป็นสาเหตุของอาการปวดกล้ามเนื้อ
  • รับประทานยาแก้ปวด เช่น ไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) พาราเซตามอล (Paracetamol)
  • ประคบร้อนและประคบเย็น ในช่วง 1-3 วันแรก ประคบเย็นด้วยน้ำแข็งห่อผ้าในบริเวณที่มีอาการกล้ามเนื้ออักเสบใน 1 วันแรก และหลังจากนั้นประคบร้อนเพื่อบรรเทาอาการและลดการอักเสบ
  • ยืดและบริหารกล้ามเนื้อ ที่มีอาการปวดด้วยความระมัดระวัง
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หรือทำกิจกรรมที่ช่วยบรรเทาความเครียด เช่น การออกกำลังกายประเภทโยคะ หรือการนั่งสมาธิ
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ หรือเต้นแอโรบิก ซึ่งสามารถช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้มีสุขภาพที่ดีได้ หลีกเลี่ยงการออกแรงยกของหนักในช่วงที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

แพทย์กายภาพบำบัด, กุมารแพทย์ กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี

ข้อควรระวัง

ปกติแล้วอาการกล้ามเนื้ออักเสบที่ไม่รุนแรงสามารถรักษาได้ด้วยตนเองที่บ้าน แต่หากเกิดอาการเหล่านี้ควบคู่กับอาการปวดกล้ามเนื้อ ควรไปพบแพทย์โดยด่วน

  • อาการปวดยังคงอยู่ หลังจากรับประทานหรือเพิ่มขนาดยาลดไขมันในกลุ่มสแตติน (Statins)
  • รักษาด้วยตัวเองที่บ้านในช่วง 2-3 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น
  • มีอาการปวดกล้ามเนื้อที่รุนแรงขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือพบอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • มีผื่นแดง บวมขึ้นในบริเวณที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ
  • พบอาการปวดกล้ามเนื้อหลังเปลี่ยนยาที่ใช้อยู่ประจำ
  • มีอาการบวมน้ำหรือปัสสาวะน้อยกว่าปกติ
  • วิงเวียนศีรษะ มีไข้สูง คลื่นไส้ คอเคล็ด
  • กลืนหรือหายใจลำบาก
  • โดนหมัดหรือเห็บกัด

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.thairheumatology.org/โรคกล้ามเนื้ออักเสบ/ https://www.hss.edu/conditions_muscle-strain.asp

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด

หญิง | อายุ 25 ปี

กล้ามเนื้ออักเสบ (Muscle strain)

  • ปวดหัว
  • ชา
  • เหน็บ
  • +4

สวัสดีค่ะ หนูปวดกล้ามเนื้อซีกขวาประมาณปีกว่า ๆ แล้วค่ะ โดยมีอาการปวดบริเวณข้อมือ และนิ้วโป้งเป็นพิเศษ ลามไปถึงต้นแขน คอ บ่า ไหล่ รักแร้ และปวดบริเวณบั้นเอว ขาหนีบ รวมไปถึงปวดหัวเข่าเวลาลุกอีกด้วย นอกจากนี้แล้วมือเท้าชาทั้งสองข้าง หากนั่งยองนานๆ จะรู้สึกเหมือนเข็มทิ่มเท้าค่ะ บางครั้งก็รู้สึกชาหรือเกร็งในหัวค่ะ (ไม่รู้ว่าเรียกว่าอาการอะไรนะคะ) อยากทราบว่าใช่โรคกล้ามเนื้ออักเสบหรือเปล่าคะ แล้วมีวิธีการรักษาอย่างไรคะ หรือมีคำแนะนำอะไรบ้างไหมคะ

thumbs-up

0

thumbs-upแพทย์ตอบคำปรึกษาแล้ว

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด
article-cover
  • กล้ามเนื้อ, กระดูก
  • ข้อไหล่ติด (Frozen shoulder)

ข้อไหล่ติด (Frozen shoulder)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โรคข้อไหล่ติด เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของเยื่อหุ้มไหล่ ทำให้มีการหนาตัวและเกิดการหดรั้ง สาเหตุของการเกิดยังไม่เป็นที่แน่ชัด ส่วนมากพบจากการบาดเจ็บจึงทำให้เกิดการจำกัดการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ เช่น มีกระดูกปลายแขนหักใส่เฝือกนาน 4 - 6 สัปดาห์ หรือผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บของเอ็นกล้ามไหล่โดยมีอาการปวดจนต้องหยุดการใช้งาน ทำให้เกิดภาวะข้อไหล่ติดได้เมื่อมีการไม่ได้ขยับข้อไหล่เป็นเวลานาน อาการของโรค อาการของโรคข้อไหล่ติด มี 3 ระยะ ได้แก่ ระยะปวด ระยะข้อติด และระยะฟื้นตัว 1

article-cover
  • กล้ามเนื้อ, กระดูก
  • กล้ามเนื้อหลังอักเสบ (Muscle strain of the back)

กล้ามเนื้อหลังอักเสบ (Muscle strain of the back)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค กล้ามเนื้ออักเสบ คือภาวะตึง ปวดหรืออักเสบเรื้อรังของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งตามกล้ามเนื้อมัดเดียวหรือหลายมัด มักมีสาเหตุจากการใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำ ๆ หรือมากเกินไปจากการทำกิจกรรมประจำวัน โดยเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย สาเหตุหรือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้กล้ามเนื้อรอบข้อไหล่มีการหดรั้ง หรือยึดตึง * ลักษณะท่าทางที่ผิดปกติ เช่น ไหล่ห่อ ไหล่งุ้ม * การเกร็งใช้กล้ามเนื้อมัดนั้นนิ่งอยู่นาน เกินขีดความสามารถของกล้ามเนื้อนั้นที่จะทนได้ เช่น การนั่งเขียนหน

article-cover
  • กล้ามเนื้อ, กระดูก
  • ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome)

ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ออฟฟิศซินโดรม คือ ชื่อเรียกกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด (Myofascial Pain Syndrome) รวมถึงอาการปวดจากการอักเสบของเส้นเอ็นและเนื้อเยื่อ ซึ่งกลุ่มอาการนี้พบได้บ่อยในผู้ที่นั่งทำงานในออฟฟิศ แต่ผู้ที่ไม่ได้ทำงานออฟฟิศที่มีท่าทางการทำงานที่ไม่ถูกต้องซ้ำๆ นานๆ ก็เป็นภาวะนี้ได้เช่นเดียวกัน เช่น คนขับรถ พนักงานโรงงาน หรือแม้กระทั่งนักศึกษา หรือผู้ที่ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์และมือถือนานๆ สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดกลุ่มอาการดังกล่าว ได้แก่ * ท่าทางการทำงานที่ไม่เหมา

article-cover
  • กล้ามเนื้อ, กระดูก
  • เก๊าต์กำเริบ (Acute gouty attack)

เก๊าต์กำเริบ (Acute gouty attack)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ภาวะเกาต์กำเริบ (Acute gouty attack) เกิดจากการที่ร่างกายมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงกว่าปกติ (Hyperuricemia) ทำให้เกิดการสะสมเป็นผลึกในน้ำไขข้อและเนื้อเยื่อต่างๆ เรียกว่าผลึกเกลือโมโนโซเดียมยูเรต (Monosodium urate) ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ปวดบวมอย่างรุนแรงของข้อขึ้นมาได้ เก๊าต์เป็นโรคข้ออักเสบที่พบบ่อย มีอุบัติการณ์การเกิด 4.3 คนต่อประชากรไทย 100,000 คน โดยพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ปัจจัยที่กระตุ้นให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงจนตกตะกอนเป็นผลึก ได้แก่ * การรับประทานอ

article-cover
  • กล้ามเนื้อ, กระดูก
  • ข้ออักเสบติดเชื้อ (Septic arthritis)

ข้ออักเสบติดเชื้อ (Septic arthritis)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ข้ออักเสบจากการติดเชื้อ เป็นการติดเชื้อบริเวณเนื้อเยื่อข้อต่อหรือน้ำไขข้อจนเกิดอาการอักเสบ ภาวะนี้มักเกิดจากการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสจากอวัยวะส่วนอื่นที่ส่งผ่านมาทางกระแสเลือด หรืออาจติดเชื้อโดยตรงผ่านทางบาดแผลเปิด การฉีดยา หรือหลังจากการผ่าตัด บุคคลบางกลุ่มอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ได้มากกว่าคนทั่วไป เช่น * เด็กเล็กและผู้สูงอายุมีโอกาสพัฒนาโรคได้มากกว่าช่วงวัยอื่น * ผู้ที่เคยผ่าตัดข้อต่อมาก่อน ผู้ที่มีปัญหาข้อต่อหรือโรคเรื้อรังที่เกี่ยวกับข้อต่อ เช