โรค เลือดออกจากถุงผนังลำไส้ (Bleeding Diverticulosis) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร


เขียนโดย
ท้องอืด ท้อเสีย คลื่นไส้ เป็นไข้..เราเสี่ยงเลือดออกจากถุงผนังลำไส้มั้ย?
ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค
ในทางเดินทางของเราบางครั้งสามารถมีความผิดโดยจะมีกระเปาะเล็กๆอยู่บริเวณผนังลำไส้ได้ เรียกว่าถุงผนังลำไส้ (Diverticula) คนที่มีถุงผนังลำไส้นี้ จะไม่มีอาการอะไรในคนส่วนใหญ่ โรคเลือดออกจากถุงผนังลำไส้สามารถเกิดได้เมื่อเส้นเลือดเล็กๆในถุงผนังลำไส้แตกออก ซึ่งจะทำให้มีเลือดออกอยู่ในทางเดินอาหาร โดยปกติจะไม่มีอาการปวดท้องร่วมด้วยแต่อย่างใด และ พบว่าเป็นสาเหตุประมาณ 50% ของการเกิดเลือดออกทางทวารหนักโดยที่ไม่มีอาการปวดท้องร่วมด้วม
อาการของโรค
โดยปกติคนที่เป็นโรคเลือดออกจางถุงผนังลำไส้จะมีอาการคือ มีเลือดออกจากรูทวารหนัก โดยที่ไม่มีอาการปวดท้องร่วมด้วย โดยลักษณะของเลือดสามารถเป็นเลือดสด หรือ เลือดเก่าๆสีแดงคล้ำก็ได้ คนที่มีถุงผนังลำไส้ ยังมีโอกาสที่จะเกิดการอักเสบของถุงผนังลำไส้ได้เช่นกัน โดยจะมีอาการดังนี้ร่วมด้วยได้
- มีอาการกดเจ็บหรือปวดเกร็งที่ท้องส่วนล่างบริเวณด้านซ้ายหรือด้านขวา โดยอาจปวดเรื้อรังและรุนแรง
- มีไข้สูง หนาวสั่น
- ท้องอืด
- เบื่ออาหาร
- ท้องผูก หรือ ท้องเสีย
- รู้สึกคลื่นไส้ หรือ อาเจียน
- เหนื่อย อ่อนเพลีย
แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค
- การตรวจเลือด เพื่อหาร่องรอยของการอักเสบ
- การตรวจดูระดับความเข้มข้นของเลือด (Hematocrit : Hct) เพื่อดูว่ามีภาวะเลือดจาง หรือ ซีดหรือไม่
- การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ เพื่อตรวจดูความผิดปกติของลำไส้
- การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) วิธีนี้ช่วยให้แพทย์เห็นภาพของระบบทางเดินอาหารทั้งหมด ในบางกรณีอาจทำร่วมกับการส่องกล้อง
- การตรวจอัลตร้าซาวน์ทางหน้าท้อง (Abdominal ultrasound) เพื่อช่วยหาสาเหตุอื่นๆที่อาจเป็นไปได้
แนวทางการดูแลรักษา
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีอาการของโรคเลือดออกทางถุงผนังลำไส้สามารถเลือดหยุดได้เอง อย่างไรก็ตามผู้ป่วยยังต้องการการตรวจเพิ่มเติมหรือการรักษาเพิ่มเติมเพื่อให้เลือดหยุดไหล การรักษาที่ใช้อาจมีดังต่อไปนี้
- การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
- การเอกซเรย์ดูเส้นเลือดแดง (angiography) ว่ามีความผิดปกติในบริเวณใด โดยใช้สายสวนใส่เข้าไปในเส้นเลือด และใช้สารทึบรังสีฉีดเข้าไปในเส้นเลือดดำหรือเส้นเลือดแดงเพื่อให้เห็นภาพ เส้นเลือดได้ชัดเจนขึ้น
- การผ่าตัด (Surgery)
แพทย์เฉพาะทางแนะนำ
ศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก, กุมารแพทย์ ระบบทางเดินอาหาร กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี
ข้อควรระวัง
คนทั่วไปไม่ควรมีเลือดออกจากทางเดินอาหาร ไม่ว่าจะเป็นทางการอาเจียน หรือ เลือดออกทางทวารหนัก โดยเฉพาะถ้ามีเลือดปริมาณมากจนมีอาการของความดันโลหิตตก เช่น กระสับกระส่าย กระหายน้ำมาก, มือเท้าเย็น ตัวเย็น แต่มีเหงื่อออก, ปัสสาวะออกน้อยลง, ชีพจรเบาเร็ว หรือความดันโลหิตต่ำลง, ซึมลง และ ปลายมือปลายเท้ามีสีคล้ำหรือซีดลง ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
ข้อมูลเพิ่มเติม
http://colorectalchula.com/wp-content/uploads/2017/07/ColoanalEmergency.pdf