โรค อัณฑะอักเสบ (Epididymo-orchitis) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร

วันที่โพสต์:
feature-image-blurfeature-image

เขียนโดย

แชร์บทความ

share-optionshare-optionshare-optionshare-option

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค

โรคอัณฑะอักเสบมีสาเหตุส่วนใหญ่จากการติดเชื้อ โดยเชื้อที่พบบ่อยแบ่งเป็น

  1. เชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่ผ่านมาทางท่อปัสสาวะ เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางโครงสร้างของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อปัสสาวะตีบ หรือการคาสายสวนท่อปัสสาวะ
  2. เชื้อแบคทีเรียก่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อโดยไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย

อาการของโรค

  • ปวดอัณฑะแบบค่อยๆ ปวดมากขึ้น
  • อัณฑะบวมข้างเดียว โดยมักจะมีอาการก่อนมาโรงพยาบาลหลายวัน
  • มีอาการปวดเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย
  • มีก้อนบวมโต กดเจ็บที่ขาหนีบ ซึ่งเกิดจากต่อมน้ำเหลืองที่อักเสบ
  • ไข้หนาวสั่นมักจะพบในเด็ก ส่วนผู้ใหญ่พบได้ประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ป่วย
  • บางรายจะมีอาการปัสสาวะขุ่น มีมูกหรือหนองออกจากท่อปัสสาวะนำมาก่อน

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค

แพทย์จะสามารถวินิจฉัยได้จากการซักประวัติอาการ ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ และตรวจร่างกาย โดยจะตรวจถุงอัณฑะ ลูกอัณฑะ ท้องน้อย และ ขาหนีบ ถ้าหากอาการหรือตรวจร่างกายได้ผลไม่ชัดเจนแพทย์อาจส่งตรวจเพิ่มเติม คือ การตรวจปัสสาวะหรือการตรวจเลือด เพื่อดูว่าอาการปวดที่เกิดขึ้นเกิดจากการติดเชื้อของอัณฑะ หรือเป็นภาวะอัณฑะบิดขั้ว ซึ่งมีอาการปวดอัณฑะได้เหมือนกัน แต่เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรักษาโดยการผ่าตัด

แนวทางการดูแลรักษา

  • รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ โดยทั่วไปมักให้เป็นยาฉีด Ceftriaxone ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว ร่วมกับยารับประทาน เช่น Doxycycline Ofloxacin ต่อเนื่องไปอีก 10 วัน
  • รับประทานยาแก้ปวดหากมีอาการปวดหรือมีไข้
  • ช่วงที่มีการอักเสบให้งดการออกกำลังกาย
  • งดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหายเป็นปกติ

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ, กุมารแพทย์ โรคติดเชื้อ กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี

ข้อควรระวัง

หาก 3 วันหลังจากรับการรักษาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรกลับมาพบแพทย์เพื่อประเมินซ้ำ เพราะอาจเกิดจากการติดเชื้อดื้อยา หรือการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อน ควรได้รับการตรวจเพิ่มเติม

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://meded.psu.ac.th/binlaApp/class05/388_531/Urologic/index.html https://www.bmj.com/content/342/bmj.d1543

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

ชาย | อายุ 35 ปี

อัณฑะอักเสบ (Epididymo-orchitis)

  • ปวดบริเวณอัณฑะ
  • ปัสสาวะเป็นเลือด
  • อัณฑะอักเสบ
  • +1

คือผมเคยเป็นหนองในเมื่อวันที่ 7-8 ได้รับการรักษาโดยการฉีดยา พร้อมกินยาเรียบร้อย หลังจากนั้น วันที่ 11-12 ปัสสาวะปนเลือดเล็กน้อย หมอให้ยาแก้อักเสบมา แต่ผมยังมีอาการปัสสาวะปนเลือดอยู่ครับ ไม่หาย จนวันที่ 26 ปวดใต้อัณฑะ ผมกลับไปหาหมอ x-ray ดูเหมือนเป็นฝีใต้อัณฑะ หมอให้ยาฆ่าเชื้อแบบฉีดกับแบบกินมา กินไปแล้ว 4 วันอาการดีขึ้นนิดเดียว ปัสสาวะยังมีเลือดปนเล็กน้อย ปวดอัณฑะเบาลง กรณีนี้ผมจะหายช่วงไหนครับ ยาฆ่าเชื้อยังกินอยู่นะครับ เป็น doxycycline กับ levofloxacin ผมกลัวได้ผ่าฝีครับ ถ้ากินยาอย่างเดียวจะหายมั้ยครับ แล้วเวลานานมั้ย

thumbs-up

0

บทความที่เกี่ยวข้อง

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • สงสัยภาวะตั้งครรภ์ (Pregnancy)

สงสัยภาวะตั้งครรภ์ (Pregnancy)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค การตั้งครรภ์ (Pregnancy) คือ ภาวะที่เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างไข่กับอสุจิ แล้วได้ตัวอ่อนเกิดขึ้นมา ในการตั้งครรภ์ปกติ ตัวอ่อนจะไปฝังอยู่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก และตัวอ่อนจะแบ่งตัวและพัฒนาเป็นอวัยวะต่าง ๆ จนเจริญเติบโตเป็นทารก ซึ่งผู้หญิงโดยทั่วไปที่มีประจำเดือนปกติและมาสม่ำเสมอทุก ๆ 28 - 30 วัน จะตั้งครรภ์ประมาณ 40 สัปดาห์ หรือประมาณ 280 วัน นับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งล่าสุด อาการของโรค * ประจำเดือนขาด * มีอาการแพ้ท้อง ปรากฏในช่วงตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6 สัปดาห์

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ

ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ (Oligomenorrhea)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โดยทั่วไป รอบเดือนแต่ละรอบของผู้หญิงจะห่างกันประมาณ 21 - 35 วัน ภาวะประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ คือ ภาวะที่มีการขาดประจำเดือน หรือประจำเดือนมาห่างกว่าปกติ อาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และไม่ใช่สัญญาณอันตรายเสมอไป ส่วนใหญ่มักเกิดกับวัยรุ่นและผู้หญิงที่ใกล้เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ตัวอย่างสาเหตุประจำเดือนมาน้อยอื่นๆ ได้แก่ * การตั้งครรภ์ ผู้ที่ตั้งครรภ์อาจมีเลือดออกจากช่องคลอดแบบกะปริบกะปรอยในช่วงแรก จากนั้นจะขาดประจำเดือนไป หากมีความเสี่ยงตั้งครรภ์ควรทำการตรวจการตั้งครรภ์

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • มะเร็งปากมดลูก (CA cervix)

มะเร็งปากมดลูก (CA cervix)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์สตรี เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในสตรีไทย และทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สาเหตุสำคัญของโรคนี้เกิดจากเชื้อ Human papilloma virus หรืออีกชื่อหนึ่งว่า เชื้อเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งอาจจะเคยได้รับเชื้อนี้แต่ร้อยละ 90 นั้นร่างกายสามารถกำจัดเชื้อออกไปได้เอง ขณะที่ผู้ที่ได้รับเชื้ออีกร้อยละ 10 ร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อได้หมด เชื้อนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อบริเ

article-cover
  • อวัยวะเพศ, ระบบสืบพันธุ์
  • ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด (Abnormal vaginal bleeding unspecified)

ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด (Abnormal vaginal bleeding unspecified)

ประจำเดือน...มาเยอะ มาน้อย เสี่ยง มีภาวะเลือดออกผิดปกติ ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก(Abnormal uterine bleeding) นั้นหมายถึงการที่รอบประจำเดือนมีความผิดปกติ คลาดเคลื่อน รวมถึง ระยะเวลาที่มีประจำเดือน, ปริมาณเลือดที่ออกมา, ความห่างของแต่ละรอบเดือน มีความผิดปกติเกิดขึ้น โดยปกติแล้วนั้นรอบเดือนควรจะมีทุกๆ 24-38 วัน โดยระยะเวลาที่มีเลือดระดูออกมานั้นอยู่ที่ 3-8 วัน รวมถึงความผิดปกติของเลือดระดูที่ออกมานั้นถ้ามีเลือดออกในช่วงระหว่างรอบเดือน, หลังจากการมีเพศสัมพันธ์,