โรค ไข้เฉียบพลัน ที่อาการยังไม่แน่ชัด (Acute Febrile Illness (AFI)) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร

วันที่โพสต์:
feature-image-blurfeature-image

เขียนโดย

แชร์บทความ

share-optionshare-optionshare-optionshare-option

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค

อาการไข้เฉียบพลัน จัดเป็นอาการป่วยที่สามารถพบได้บ่อยที่สุด สาเหตุของอาการไข้เฉียบพลัน มักเกิดเนื่องจากโรคติดเชื้อ ซึ่งสาเหตุสามารถบ่งบอกหรือวินิจฉัยได้หากมีอาการร่วมอื่นๆที่บ่งชี้ แต่บางครั้งอาการไข้เฉียบพลันที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถวินิจฉัยหาสาเหตุได้ในระยะแรก เนื่องจากร่างกายยังไม่แสดงอาการอื่นๆ ส่งผลให้ตรวจร่างกายไม่พบอาการ ดังนั้นพื่อหาสาเหตุ จึงจำเป็นต้องทำการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และ ทำการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

อาการของโรค

อาการไข้เฉียบพลัน คือ ภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิมากกว่า 37.8 องศาเซลเซียส อาจเกิดร่วมกับการทั่วๆไป ที่ไม่บ่งชี้โรคใดๆ เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร กินได้น้อย ปวดหัว มึนๆศีรษะ โดยอาการไข้ที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยส่วนมากจะสามารถหายได้เอง และ โอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนมีน้อยมาก

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค

การตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นการตรวจเพื่อช่วยยืนยันการวินิจฉัยของแพทย์ที่เข้ารับการรักษาด้วยอาการไข้เฉียบพลันว่ามาจากสาเหตุใด โดยทั่วไปแพทย์จะตรวจเพิ่มเติมเบื้องต้นก่อน คือ

  • การตรวจนับเม็ดเลือดและความสมบูรณ์ของเลือด (Complete Blood Count) คือการตรวจปริมาณเม็ดเลือดขาวว่ามีปริมาณต่ำหรือสูงกว่าปกติ หากน้อยกว่า 5,000 อาจจะทำให้สงสัยสาเหตุก่อโรคจากไวรัส หรือการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง แต่ถ้ามากกว่า 10,000 cells / mm³ จะช่วยบ่งบอกได้ว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis) เพื่อทำการวินิจฉัยการติดเชื้อที่บริเวณทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากในระยะแรกผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะอาจจะยังมีอาการไม่ชัดเจน หรือ ในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยนอนติดเตียงที่มักจะเกิดปัสสาวะติดเชื้อได้บ่อย แต่ไม่สามารถสื่อสารอาการได้ชัดเจน การตรวจพบเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะก็จะช่วยในการวินิจฉัยโรคได้ หากการตรวจเบื้องต้นไม่พบความผิดปกติ แพทย์จะทำการนัดหมายผู้ป่วยเพื่อติดตามอาการในอีก 1-3 วันถัดไป เพื่อติดตามดูว่าจะมีอาการใดเพิ่มเติม หรือมีผลเลือดเปลี่ยนแปลงที่ช่วยบ่งชี้โรคเพิ่มเติมได้

แนวทางการดูแลรักษา

ถ้าหากแพทย์ยังไม่สามารถวินิจฉัยระบุโรคได้ การรักษาส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาตามอาการไปก่อน เช่น ให้ยาลดไข้ หรือยาลดการอักเสบ ให้เกลือแร่และวิตามิน และ แนะนำให้ผู้ป่วยสังเกตอาการตนเอง และ นัดมาติดตามอาการอีกทีหนึ่ง เพื่อตรวจหาสาเหตุที่อาจก่อโรคเพิ่มเติม จนกว่าจะได้วินิจฉัยสุดท้าย และให้การรักษาได้อย่างถูกต้อง

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ

ข้อควรระวัง

หากมีอาการหอบเหนื่อย ปวดศีรษะมาก หนาวสั่น สับสน หรือซึมลง ควรรีบกลับมาพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจรักษา และ พิจารณาให้ยาฆ่าเชื้อ หรือ รับไว้รักษาในโรงพยาบาลต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://med.mahidol.ac.th/med/sites/default/files/public/pdf/medicinebook1/Acute%20febrile%20illness%20อ%20กำธร.pdf

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด
article-cover
  • อื่นๆ
  • ไข้ชิคุนกุนยา (Chikungunya)

ไข้ชิคุนกุนยา (Chikungunya)

ไข้ชิคุนกุนยา vs ไข้เลือดออก ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โรคชิคุนกุนยา เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ “ชิคุนกุนยาไวรัส” ติดต่อมาสู่คน โดยการถูกยุงลายกัด มีระยะฟักตัว ของโรคหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 2–5 วัน มีอาการคล้ายกับไข้เลือดออก ต่างกันที่ ไม่มีการรั่วของพลาสมาออกนอกเส้นเลือด จึงไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากจนถึงขั้นช็อก อาการของโรค * ไข้สูงเฉียบพลัน โดยมักมีไข้ประมาณ 2-4 วัน หลังจากนั้น ไข้จะลงอย่างรวดเร็ว * ปวดตามข้อ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ข้อเล็กๆ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า อาการปวดข้อจะพบได้หลายๆ ข้

article-cover
  • อื่นๆ
  • โรคฉี่หนู (Leptospirosis (uncomplicated))

โรคฉี่หนู (Leptospirosis (uncomplicated))

โรคฉี่หนู อันตรายที่มากับฝน ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โรคฉี่หนู หรือ Leptospirosis เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียจากสัตว์สู่คน เชื้อก่อโรคจะปนออกมากับฉี่ของสัตว์ต่างๆ โดยหนูจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อที่สำคัญที่สุด จึงเรียกว่า โรคฉี่หนู แต่อย่างไรก็ตามสัตว์อื่นๆ อย่างเช่น สุนัข วัว ควาย ก็สามารถมีเชื้อ และ แพร่เชื้อมาสู่คนได้เช่นเดียวกัน (เชื้อนี้ไม่ทำให้สัตว์มีอาการป่วย) โดยเชื้อจะถูกขับออกมากับฉี่ของสัตว์เหล่านี้มาอยู่ในดินที่ชื้นแฉะ น้ำท่วมขัง หรือตามสวนไร่นาที่มีน้ำขัง และเชื้อก็จะมีชีวิตอยู่ในสิ่ง

article-cover
  • อื่นๆ
  • น้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)

น้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค น้ำตาลในเลือดต่ำ คือ ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 70 mg/dl มักทำให้เกิดอาการใจสั่นอ่อนเพลีย ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นสูงกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ยาลดน้ำตาลหรือยาฉีดอินซูลิน (Insulin) อาการของโรค ผู้ป่วยแต่ละคนจะมีอาการที่แตกต่างกันไป อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ * เหงื่อแตกตัวเย็น * อ่อนเพลีย ไม่มีแรง * เวียนศีรษะ * ตาพร่ามัว * พูดจาสับสน * หากมีอาการรุนแรง อาจจะชัก หรือหมดสติได้ แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค อาศัยประวัติที่เข้าได้กั

article-cover
  • อื่นๆ
  • ภาวะความเข้มข้นเลือดสูงจากเบาหวาน (Hyperosmolar hyperglycemic state)

ภาวะความเข้มข้นเลือดสูงจากเบาหวาน (Hyperosmolar hyperglycemic state)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค คือภาวะเลือดมีความเข้มข้นสูงจากภาวะน้ำตาลในเลือดเกิน จัดเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ที่ต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลทันที เพราะอาจทำให้หมดสติหรือ เสียชีวิตได้ พบในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นหลัก อาจเกิดพร้อมกับภาวะเลือดเป็นกรดจากเบาหวาน (Diabetic ketoacidosis) ได้ ปัจจัยกระตุ้นให้ผู้ป่วยเบาหวานเกิดภาวะนี้ เช่น การติดเชื้อ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ตับอ่อนอักเสบ การขาดยาเบาหวาน อุบัติเหตุ การดื่มสุรา ฯลฯ อาการของโรค * ผู้ป่วยซึ่งมักจะซึมลง * เรียกไม่ตอบ

article-cover
  • อื่นๆ
  • เบาหวาน (Diabetes mellitus)

เบาหวาน (Diabetes mellitus)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โรคที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ เนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) หรือการดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้กระบวนการดูดซึมน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานของร่างกายมีความผิดปกติหรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนเกิดน้ำตาลสะสมในเลือดปริมาณมาก หากปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะนี้เป็นเวลานานจะทำให้อวัยวะต่าง ๆ เสื่อม เกิดโรคและอาการแทรกซ้อนขึ้น เช่น เบาหวานขึ้นตา โรคไต โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเส้นเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน โรคเบาหวานมีหลายชนิด เช่น เบาหวานชนิดที