โรค อาหารเป็นพิษ (Food poisoning) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร

วันที่โพสต์:
feature-image-blurfeature-image

เขียนโดย

แชร์บทความ

share-optionshare-optionshare-optionshare-option

รักษา อาหารเป็นพิษ ควรกินยาอะไร?

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค

อาหารเป็นพิษ (Food Poisoning) เกิดจากการรับประทานอาหาร หรือ ดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อน ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือ ปวดท้อง ซึ่งอาการส่วนใหญ่มักไม่ร้ายแรง แต่หากเกิดอาการรุนแรงขึ้นก็อาจทำให้ร่างกายเสียน้ำและเกลือแร่จนเป็นอันตรายได้ โดยอาหารเป็นพิษเป็นเรื่องใกล้ตัว ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน จึงควรระมัดระวังในการรับประทานอาหารอยู่เสมอ สาเหตุของการเกิดอาหารเป็นพิษมาจากการรับประทานเชื้อโรค หรือสารพิษที่เกิดจากเชื้อโรคเข้าไปโดยตรง ตัวอย่างเช่นเชื้อแบคทีเรีย, เชื้อไวรัส, หรือ พยาธิ

อาการของโรค

ผู้ที่ได้รับเชื้อส่วนใหญ่จะแสดงอาการภายใน 1-2 วัน ขึ้นอยู่กับประเภท และ ปริมาณของเชื้อที่ร่างกายได้รับเข้าไป โดยอาจมีอาการหลังรับประทานอาหารไม่กี่ชั่วโมง หรือ นานเป็นสัปดาห์ได้ โดยอาการป่วยของผู้ที่เผชิญภาวะอาหารเป็นพิษ มีดังนี้

  • รู้สึกพะอืดพะอม คลื่นไส้ อาเจียนติดต่อกันหลายครั้ง
  • มีอาการปวดท้องแบบบิดเกร็งเป็นพัก ๆ เนื่องจากการบีบตัวของลำไส
  • ถ่ายท้อง โดยอาจถ่ายมีมูกหรือเลือดปนหรือถ่ายเหลวก็ได้
  • ไม่อยากอาหาร
  • ในบางรายสามารถมีไข้ได้

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค

โดยทั่วไปโรคอาหารเป็นพิษสามารถวินิจฉัยได้จากการซักประวัติและตรวจร่างกาย โดยที่ไม่ต้องตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงแพทย์ อาจตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุที่อันตราย หรือ ตรวจเพื่อดูว่ามีค่าเกลือแร่ผิดปกติหรือไม่

แนวทางการดูแลรักษา

  • การรักษาส่วนใหญ่ คือ ประคับประคองตามอาการ ได้แก่การดื่มน้ำทดแทนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารทดแทนพลังงานที่เสียไป ไม่ให้ขาดพลังงาน โดยอาหารที่แนะนำ คือ อาหารอ่อน, อาหารที่ย่อยง่าย, หรือ อาหารที่มีไขมันน้อย
  • ทานยารักษา ตามร้านขายยาทั่วไป ได้แก่ เกลือแร่ชนิดชงเอง, ยาแก้คลื่นไส้/อาเจียน, ยาแก้ปวดท้อง ซึ่งสามารถหาได้ง่าย
  • ควรรับประทานอาหาร หรือ ดื่มน้ำ ถึงแม้ว่าจะยังมีอาการถ่ายท้อง หรือ อาเจียนก็ตาม ในทางกลับกัน การที่ไม่รับประทานอาจจะทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้น เนื่องจากร่างกายขาดน้ำและสารอาหารที่จำเป็น จึงแนะนำรับประทานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีวิธีแก้ไขโดยการรับประทานบ่อยๆแต่ทีละน้อยๆแทน
  • ไม่แนะนำให้ทานยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้เกิดการดื้อยาได้ การกินยาชนิดนั้นต้องกินให้ครบตามกำหนด ถึงแม้ว่าอาการป่วยจะดีขึ้นแล้วก็ยังคงต้องกินต่อเนื่อง หากกินยาไม่ครบอาจทำให้การรักษาไม่ได้ผล และทำให้เกิดการดื้อยาได้ ทำให้การรักษาครั้งต่อไปต้องใช้ยาที่แพง หรืออาจทำให้รักษาได้ยากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าหากมีอาการท้องเสีย หรือ อาหารเป็นพิษ สามารถซื้อยาทานเองได้ โดยอาการของโรคสามารถหายได้เอง ซึ่งผู้ป่วยสามารถเพิ่มน้ำให้กับร่างกายด้วยการดื่มเกลือแร่ แต่ถ้าหาก มีอาการถ่ายเป็นมูกเหลว หรือ มีเลือดปนอาจจะมีความจำเป็นใช้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของเภสัชกรหรือแพทย์

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

อายุรแพทย์ระบบทางเดินอาหาร, กุมารแพทย์ กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี

ข้อควรระวัง

ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที และไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้

  • มีสัญญาณของภาวะขาดน้ำ เช่น
  • ปากแห้ง กระหายน้ำอย่างมาก ปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะเลย ปัสสาวะมีสีเข้ม หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ และหน้ามืด เป็นต้น
  • เด็กและทารกที่มีภาวะขาดน้ำ นอกจากอาการผิดปกติข้างต้นแล้ว อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตาโบ๋ ขม่อมยุบ มีน้ำตาไหลออกมาน้อยหรือไม่มีน้ำตาขณะร้องไห้ เป็นต้น
  • ท้องเสียติดต่อกันโดยอาการไม่ดีขึ้นเลย หรือเป็นเวลานานหลายวัน ร่วมกับทานไม่ได้เลย
  • อาเจียนถี่หรืออาเจียนอย่างต่อเนื่องนานกว่า 12 ชั่วโมง
  • มีเลือดปนในอาเจียนหรืออุจจาระ
  • ตามัวหรือมองเห็นไม่ชัด
  • ปวดท้องอย่างรุนแรงและมากขึ้นเรื่่อยๆ โดยอาการปวดไม่ลดลงหลังจากอุจจาระไปแล้ว
  • ท้องเสียร่วมกับมีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ บุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรรีบไปพบแพทย์ทันทีหากพบว่ามีอาการบ่งชี้ของภาวะอาหารเป็นพิษ ได้แก่ ผู้หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ เด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแออย่างผู้ป่วยโรคมะเร็งหรือติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคลิ้นหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต เป็นต้น

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.rajavithi.go.th/rj/?p=3728

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดูทั้งหมด
article-cover
  • อาหารเป็นพิษ (Food poisoning)

อาหารเป็นพิษ โรคยอดนิยมหน้าร้อน !

ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ ‘ อาหารเป็นพิษ ’ คงจะเป็นอีกหนึ่งโรคที่เราอาจต้องระวังไว้ ! หลายๆคนอาจจะเคยได้ยิน และคุ้นเคยกับคำพูดที่ว่า ‘ ตามใจปาก ลำบากท้อง ‘ กันอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารเป็นพิษ ที่หลายๆคนอาจคิดว่าเป็นโรคทั่วไป ไม่ได้อันตรายใดๆ แป๊บเดียว เดี๋ยวก็หาย แต่จริงๆแล้ว อาหารเป็นพิษอาจอันตรายมากกว่านั้น..! วันนี้เรามาทำความรู้จักกับหนึ่งในโรคยอดฮิตหน้าร้อน อย่าง อาหารเป็นพิษ กัน….! อาหารเป็นพิษ คืออะไร ? อาหารเป็นพิษ (Food poisoning) เกิดจากการกินอาหาร น้ำที่ปนเป

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ลำไส้อักเสบ (Non-bacterial gastroenteritis)

ลำไส้อักเสบ (Non-bacterial gastroenteritis)

ลำไส้อักเสบ ต้องไปหาหมอเลยไหม? ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ลำไส้อักเสบ ที่การอักเสบไม่ได้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไว้รัส การติดเชื้อสามารถทำให้มีอาการท้องเสีย และ อาเจียนได้ ลำไส้อักเสบสามารถเกิดได้ทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก สาเหตุของการติดเชื้อมาจาการสัมผัสที่ติดเชื้อมาก่อนหรือพื้นผิวสิ่งของต่างๆที่มีเชื้อโรคอยู่ แล้วไม่ได้ล้างมือจนเป็นสาเหตุทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ หรือการติดเชื้ออีกทางเกิดจากการทานอาหารที่มีเชื้อโรคอยู่โดยตรง อาการของโรค การติดเชื้อในลำไส้ทำให้มีอาการท

article-cover
  • อาหารเป็นพิษ (Food poisoning)

ลำไส้แปรปรวน vs อาหารเป็นพิษ ต่างกันยังไง?

บางคนอาจเคยได้ยินประโยคที่ว่า “อร่อยปาก ลำบากกาย” กันมาบ้าง กินจัดเต็มทีไร ก็ท้องเสีย แน่นท้องทุกที ! ไม่ว่าจะปวดท้องข้างซ้ายที ข้างขวาที ปวดจนไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะกินยาอะไร เป็นทีก็คิดว่าตัวเองเป็น “อาหารเป็นพิษ” แน่ๆเลย แต่เดี๋ยวก่อน… อาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสียเนี่ย ไม่ได้มีแต่อาหารเป็นพิษเท่านั้น ยังมีอีกโรคที่คล้ายๆกันอย่าง “โรคลำไส้แปรปรวน” แล้วสองอย่างนี้มันต่างกันยังไง..? อันดับแรกเรามาทำความรู้จักกับ “โรคลำไส้แปรปรวน” กันก่อน ! โรคลำไส้แปรปรวน หรือ (Irritable Bowel Syndrom

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ภาวะฉุกเฉินทางช่องท้อง (Secondary Bacterial Peritonitis)

ภาวะฉุกเฉินทางช่องท้อง (Secondary Bacterial Peritonitis)

ภาวะฉุกเฉินทางช่องท้อง คืออะไร? ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ภาวะฉุกเฉินทางช่องท้อง หรือโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบทุติยภูมิ (Secondary Bacterial peritonitis) เป็นโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากพยาธิสภาพที่ชัดเจนในช่องท้องที่ทำให้เกิดการอักเสบ ตัวอย่างเช่น แผลในกระเพาะอาหารทะลุ, ไส้ติ่งอักเสบจนแตก, ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสามารถเกิดได้จากสาเหตุใดๆ ก็ตามที่ทำให้อวัยวะภายในช่องท้องเกิดการฉีกขาด จนทำให้เกิดการติดเชื้อภายในช่องท้องตามมาได้ การอักเสบที่เกิดขึ้นเกิดมาจากการระคายเคืองจากสารต

article-cover
  • ท้อง, ทางเดินอาหาร, การขับถ่าย
  • ริดสีดวงทวาร ที่มีภาวะแทรกซ้อน (Strangulated/Thrombosed Hemorrhoids)

ริดสีดวงทวาร ที่มีภาวะแทรกซ้อน (Strangulated/Thrombosed Hemorrhoids)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ริดสีดวงทวาร หมายถึง การมีกลุ่มของหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่และที่ขอบรูทวารหนักโป่งพองและยื่นออกมา แบ่งเป็น 2 ชนิด 1. ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายใน หมายถึง ริดสีดวงทวารที่เกิดเหนือทวารหนักขึ้นไปตามปกติจะไม่โผล่ออกมาให้เห็น และ คลำไม่ได้และมักจะถูกคลุมด้วยเยื่อลำไส้ใหญ่ตอนปลายสุด จะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในขณะที่ยังไม่มีอาการแทรกซ้อน 2. ริดสีดวงทวารชนิดเป็นภายนอก หมายถึง ริดสีดวงที่เกิดขึ้นบริเวณปากรอยย่นของทวารหนัก สามารถมองเห็น และ คลำได้หลอดเลือดที่โป่งพ