โรค หลอดลมโป่งพอง (Bronchiectasis) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร

วันที่โพสต์:
feature-image-blurfeature-image

เขียนโดย

แชร์บทความ

share-optionshare-optionshare-optionshare-option

เสมหะสะสมในปอด ระวังหลอดลมโป่งพอง

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค

หลอดลมโป่งพองคือภาวะที่หลอดลมบางส่วนเกิดการขยายตัว (โป่งพอง) กว้างขึ้นกว่าปกติอย่างถาวร ซึ่งเป็นผลมาจากผนังหลอดลมถูกทำลาย ทำให้มีการติดเชื้อบ่อย เกิดอาการไอมีเสมหะเรื้อรัง ภาวะนี้อาจเกิดกับหลอดลมเพียง 1-2 แห่ง หรือหลายแห่งก็ได้ มักเกิดกับหลอดลมขนาดกลางเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งก็อาจเกิดกับหลอดลมขนาดเล็ก ซึ่งจะถูกทำลายกลายเป็นแผลเป็น และทำให้มีเสมหะซึ่งจากต่อการไอออกมา เมื่อเสมหะค้างอยู่ในปอด ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคถุงลมโป่งพองมีแนวโน้มในการติดเชื้อมากกว่าปกติ สาเหตุของการเกิดโรคถุงลมโป่งพองเกิดได้จากหลายสาเหตุที่ทำให้มีการทำลายของหลอดลม เช่น จากการติดเชื้อในปอด หรือเกิดจากปัญหาของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย รวมไปถึงการเป็น โรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) มาก่อน

อาการของโรค

  • ไอมาก และเป็นเวลานาน โดยมักมีเสมหะร่วมด้วย สามารถมีอาการได้ถึงเป็นอาทิตย์จนถึงเดือน
  • หายใจตื้น หายใจไม่ทัน หายใจเสียงวี๊ด
  • มีอาการของหลอดลมอักเสบ หรือการติดเชื้อในปอดบ่อยครั้ง
  • ไอเป็นเลือด
  • เจ็บแปล๊บบริเวณปอด/หน้าอก มักจะเป็นมากขึ้นเวลาหายใจ ผู้ป่วยส่วนมาก มักเป็นโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังร่วมด้วย โดยจะมีอาการจมูกตัน มีน้ำมูกสีเหลืองหรือสีเขียว ปวดบริเวณโหนกแก้ม หรือ บริเวณหัวคิ้ว

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค

  • การตรวจเลือด เพื่อช่วยในการหาสาเหตุของโรค
  • การตรวจเสมหะ เป็นการตรวจหาเชื้อไวรัส เชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรียภายในเสมหะที่อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบ
  • การตรวจเอกซเรย์ปอด
  • การเอกซเรย์ทรวงอกและการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อดูลักษณะและการทำงานของปอดว่ามีความผิดปกติหรือไม่
  • การตรวจสมรรถภาพปอด (Pulmonary function tests) เป็นการตรวจดูว่าอากาศไหลเวียนเข้าไปยังปอดและระบบทางเดินหายใจเป็นปกติหรือไม่
  • การตรวจเพื่อส่องดูหลอดลมโดยตรง (Bronchoscopy)

แนวทางการดูแลรักษา

  • การให้ยา - เพื่อรักษาและป้องการการติดเชื้อ, ลดการอักเสบของทางเดินหายใจ และลดเสมหะในปอด
  • การรักษาเพื่อทำให้ทางเดินหายใจโล่ง (Airway clearance therapy) - เช่นการทำให้เสมหะเหนียวน้อยลงเพื่อให้สามารถไอออกมาได้ง่ายขึ้น ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธีขึ้นกับแพทย์ที่ทำการรักษาจะเลือกใช้
  • การทำกายภาพปอด (Pulmonary rehabilitation)
  • การรักษาเพื่อหยุดเลือดในทางเดินหายใจ
  • การผ่าตัด
  • การปลูกถ่ายปอด (Lung transplant)

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

อายุรแพทย์ระบบหายใจ, กุมารแพทย์ โรคปอด กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี

ข้อควรระวัง

ผู้ป่วยที่มีอาการดังต่อไปนี้ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม

  • ไอ มากกว่าปกติ หรือ ไอจนรบกวนการนอนหรือกิจกรรมอื่นๆ
  • หายใจลำบาก หายใจเหนื่อย หรือ หายใจมีเสียงวี๊ด
  • ไอมีเสมหะสีเหลืองคล้ำ สีเขียว เหนียวข้น ทุกวัน
  • ไอเป็นเลือด
  • มีไข้

ข้อมูลเพิ่มเติม

http://www.rcot.org/datafile/_file/_doctor/bcacca458ef012349a44f1c77e8c762f.pdf

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

article-cover
  • จมูก, ทางเดินหายใจ
  • ปอดอุดกั้นกำเริบเฉียบพลัน (COPD with Acute Exacerbation)

ปอดอุดกั้นกำเริบเฉียบพลัน (COPD with Acute Exacerbation)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic obstructive pulmonary disease หรือ COPD) เป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบาก ซึ่งเป็นผลจากการที่ทางเดินหายใจตีบแคบลงและเสียหายไป โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังเกิดจากโรคถุงลมโป่งพอง (emphysema) และโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง (chronic bronchitis) ซึ่งเป็นสองโรคที่พบร่วมกันเสมอ ผู้ที่เป็นโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรังจะมีอาการเหนื่อยง่ายมากกว่าคนทั่วไป และถ้าอาการรุนแรงมากขึ้นทันที จะเรียกว่าโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังกำเริบเฉียบพลัน (COPD with Acute Exacerb

article-cover
  • จมูก, ทางเดินหายใจ
  • หอบหืดกำเริบ (Acute asthmatic attack)

หอบหืดกำเริบ (Acute asthmatic attack)

หอบหืดกำเริบเกิดจาก อากาศเปลี่ยน หรือ ภูมิแพ้ไหม? ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โรคหอบหืดเป็นโรคที่ทำให้หายใจลำบาก อาการของโรคหอบหืดสามารถเป็นได้ทั้งอาการเล็กน้อยไปจนถึงอาการรุนแรง และสามารถมีอาการเป็นๆหายๆได้ บางครั้งอาการของโรคหอบหืดสามารถเป็นได้อย่างกะทันหัน ซึ่งสามารถเป็นได้อย่างรุนแรง ที่เรียกว่าโรคหอบหืดกำเริบ (Acute asthmatic attack) อาการของโรคหอบหืดเกิดจากมีการอักเสบทางเดินหายใจภายในปอดจนทำให้เกิดการตีบแคบของทางเดินหายใจ โรคหอบหืดเกิดได้จาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1. ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม ผ

article-cover
  • จมูก, ทางเดินหายใจ
  • ไซนัสอักเสบ (Acute non-bacterial sinusitis)

ไซนัสอักเสบ (Acute non-bacterial sinusitis)

น้ำมูกเขียว คุณอาจเป็นไซนัสอักเสบ ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โรคไซนัสอักเสบ เกิดจากเยื่อบุไซนัสติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียที่ผ่านเข้ามาทางกระบวนการหายใจ จนเนื้อเยื่อเกิดอาการบวม สารคัดหลั่งเมือกเหลวที่ถูกผลิตขึ้นจึงเกิดการอุดตันกลายเป็นหนองอักเสบหรือน้ำมูกเขียวข้น ทำให้เกิดการคัดจมูก น้ำมูกไหล มีอาการปวดบริเวณไซนัสที่อักเสบ และมีอาการป่วยอื่น ๆ ตามมา ไซนัสอักเสบมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส พบในอัตรา 90% ของผู้ป่วย หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือการพัฒนาโรคที่รุนแรงขึ้น อาการจะทุเลาลงและหายดีเองภ

article-cover
  • จมูก, ทางเดินหายใจ
  • ปอดติดเชื้อ (Pneumonia)

ปอดติดเชื้อ (Pneumonia)

ปอดติดเชื้อ อันตราย! อย่าปล่อยให้อาการรุนแรง ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ปอดติดเชื้อเป็นภาวะติดเชื้อเฉียบพลันทางระบบทางเดินหายใจหรือการติดเชื้อที่เนื้อปอด ทำให้เกิดอาการปอดบวมและมีหนองขัง ซึ่งหากเกิดการติดเชื้อที่รุนแรง อาจเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตได้ ปอดติดเชื้อมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ หัด อีสุกอีใส ฯลฯ นอกจากนี้อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อสแตฟฟีโลค็อกคัส (Staphylococcus) เชื้อนิวโมค็อกคัส (Pneumococcus) ตลอดจนเชื้อรา ซึ่งแพร่กระจายจากการหายใจ เอาเชื้อเข้าส

article-cover
  • จมูก, ทางเดินหายใจ
  • ถุงลมโป่งพอง (Emphysema)

ถุงลมโป่งพอง (Emphysema)

เหนื่อยง่าย.. สังเกตดีดี อาการนี้อาจเป็นถุงลมโป่งพอง ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค เป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease: COPD) เกิดจากการ อักเสบและแตก ที่บริเวณถุงลมปอด ทำให้เนื้อปอดมีถุงลมเล็กๆ มากมายคล้ายพวงองุ่น จนกลายเป็นถุงลมขนาดใหญ่ จึงทำให้มีพื้นผิวในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนในปอดลดลงหรือมีอากาศค้างในปอดมากกว่าปกติ ซึ่งหากเกิดความผิดปกติมากขึ้นก็จะทำให้ผู้ป่วยถุงลมโป่งพองมีอาการหายใจตื้น สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดถุงลมโป่งพอง คือการสูบบุหรี่ จากก