โรค หลอดลมอักเสบ (Acute Bronchitis) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร


เขียนโดย
หลอดลมอักเสบ อาการเป็นยังไง แล้วใครเสี่ยงเป็นโรคนี้
ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียที่หลอดลม ทำให้เยื่อบุหลอดลมเกิดการอักเสบบวม ทำให้การไหลผ่านอากาศทำได้ไม่ดี พบบ่อยในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว และ สามารถพบได้ในทุกวัย สาเหตุของโรคหลอดลมอักเสบ
- ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสที่เป็นต้นเหตุ ได้แก่ อะดิโนไวรัส (Adenovirus) ไรโนไวรัส (Rhinovirus) อินฟลูเอนซา (ไข้หวัดใหญ่ : Influenza), พาราอินฟลูเอนซา (Parainfluenza) และ อาร์เอสวี (Respiratory syncytial virus : RSV) บางรายอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไมโคพลาสมา (Mycoplasma) และ คลาไมเดีย (Chlamydia)
- ส่วนน้อยที่อาจเกิดจากการแพ้ หรือการระคายเคืองต่อสารบางอย่างที่สูดดมจนทำให้หลอดลมเกิดการอักเสบ ผู้ที่ทำงานกับสารระคายเคือง เช่น ฝุ่น สารเคมี มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากกว่าปกติ
- ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดโรคหลอดลมอักเสบ คือ การสูบบุหรี่ หรือผู้ที่อยู่กับคนสูบบุหรี่ ผู้ป่วยโรคกรดในกระเพาะไหลย้อน ผู้ที่มีโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เช่น โรคเบาหวาน โรคตับ มีโอกาสเป็นโรคหลอดลมอักเสบมากขึ้น
อาการของโรค
ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบจะมีอาการ
- ไอ ซึ่งถือว่าเป็นอาการที่สำคัญที่สุดของโรคนี้
- มีเสมหะ สีเหลืองหรือเขียว
- อาจมีไข้หรือไม่มีไข้ร่วมด้วยก็ได้ ถ้ามีไข้ มักจะไม่มีไข้สูง
- บางรายอาจมีอาการหายใจลำบาก หรือหายใจเสียงดังหวีด โรคหลอดลมอักเสบมักจะหายได้เองใน 7-10 วัน ผู้ป่วยส่วนหนึ่งประมาณร้อยละ 20-30 หายภายใน 2-3 สัปดาห์ อย่างไรก็ดีพบว่ามีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่ใช้เวลาเป็นเดือน จึงจะหายจากโรคหลอดลมอักเสบ โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่จัดมาเป็นเวลานาน
แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค
- การซักถามประวัติอาการ และ การตรวจร่างกายอย่างละเอียด การตรวจร่างกายระบบทางเดินหายใจ ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้แม่นยำมากขึ้น บางครั้งแพทย์อาจต้องวินิจฉัยแยกโรคที่มีอาการคล้ายกัน เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคติดเชื้ออื่นๆ ภาวะหัวใจวาย โรคมะเร็งปอด และโรคกรดในกระเพาะไหลย้อน
- การตรวจเสมหะหรือเพาะเชื้อจากเสมหะ แพทย์จะพิจารณาในรายที่มีข้อบ่งชี้ และต้องเลือกเก็บเสมหะที่แท้จริง อาจต้องใช้เทคนิคพิเศษบางประการเพื่อช่วยในการเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจทาง ห้องปฏิบัติการ
- การตรวจภาพรังสีทรวงอก ช่วยวินิจฉัยแยกโรคปอดอักเสบ
แนวทางการดูแลรักษา
- พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ (ควรเป็นน้ำอุ่น) รักษาร่างกายให้อบอุ่น รับประทานอาหารอุ่น
- เนื่องจากส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ดังนั้นจึงใช้วิธีการรักษาตามอาการเป็นหลักเนื่องจากไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสจำเพาะ ยารักษาตามอาการเช่น ยาละลายเสมหะ ยาแก้ไอ ยาขยายหลอดลม จนอาการหายดีเอง ส่วนการติดเชื้อแบคทีเรียอาจพิจารณาการใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
การป้องกันไม่ให้เกิดโรค
- เวลาไอหรือจามให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก หรือ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งเมื่อสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรือ เสมหะ
- งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ฝุ่น เขม่าควันต่างๆ หรือ สารที่ระคายเคืองทางเดินหายใจ
แพทย์เฉพาะทางแนะนำ
อายุรแพทย์ระบบหายใจ, กุมารแพทย์ กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี
ข้อควรระวัง
ผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบสามารถมีอาการได้ตั้งแต่อาการน้อยจนถึงอาการมาก ดังนั้นควรสังเกตุภาวะฉุกเฉินสำหรับผู้ป่วยหลอดลมอักเสบเฉียบพลันที่ต้องเฝ้าระวังและสังเกต คือ
- อาการไข้สูงโดยที่ทานยาลดไข้แล้วไม่ดีขึ้น
- มีอาการเหนื่อยมากขึ้น หายใจเร็ว พักแล้วไม่ดีขึ้น ผู้ป่วยทีมีอาการรุนแรงมักจะมีอาการกระสับกระส่าย ไข้สูง หายใจเร็ว หอบเหนื่อย ซึงลง ตัวเย็น หากสังเกตุว่ามีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=645 http://www.rcot.org/2016/People/Detail/72






