โรค ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (Acute cholecystitis) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร


เขียนโดย
ปวดท้องรุนแรง จุกเสียดแน่นท้องบริเวณลิ้นปี่ เสี่ยงถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน !
ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค
ถุงน้ำดี คือ อวัยวะภายในร่างกาย อยู่บริเวณส่วนล่างของตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ไว้เก็บน้ำดีที่สร้างมาจากตับ โดยที่น้ำดีเป็นน้ำมีส่วนสำคัญในการช่วยย่อยไขมันที่เรารับประทานเข้าไปเพื่อสร้างเป็นพลังงานต่อไป หากเกิดการอุดตันของน้ำดี จะส่งผลให้ถุงน้ำดีบวม อักเสบ และ เกิดอาการปวดได้ การอุดตันของน้ำดีมักมีสาเหตุมาจากนิ่วอุดตันในท่อถุงน้ำดี รวมไปถึงปัญหาเกี่ยวกับท่อน้ำดีและเนื้องอกอื่น ๆ
อาการของโรค
- ปวดบริเวณท้องส่วนบนด้านขวาหรือตรงกลาง ซึ่งมักปวดไม่น้อยกว่า 30 นาที โดยผู้ป่วยจะรู้สึก ปวดเสียด ปวดบีบ หรือ ปวดตุบๆ
- อาการปวดท้อง ปวดร้าวไปที่หลัง หรือ บริเวณใต้สะบักด้านขวา
- อาการปวดแย่ลงเมื่อหายใจลึก ๆ
- เกิดอาการปวดท้องหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารในปริมาณมาก หรือรับประทานอาหารที่มีไขมันเยอะ
- รู้สึกระบมที่ท้องด้านขวา ทั้งนี้ เมื่อกดบริเวณท้องจะปวดมาก
- ท้องอืด
- มีไข้ขึ้นสูง
- คลื่นไส้และอาเจียน
- เหงื่อออก
- เบื่ออาหาร
แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค
- ตรวจเลือด พื่อดูการทำงานของตับอ่อน เช่น เอนไซม์อะไมเลส (Amylase) เอนไซม์ลิเพส (Lipase) ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count: CBC) และการทำงานของตับ (Liver Function Test: LFT) รวมทั้งตรวจหาการติดเชื้อ
- อัลตราซาวด์ (Ultrasound) เพื่อดูว่าภายในถุงน้ำดีมีก้อนนิ่ว เยื่อบุหนาที่ถุงน้ำดี ปริมาณน้ำดีที่มากเกินไป หรือ สัญญาณอื่น ๆ ของถุงน้ำดีอักเสบหรือไม่
- ตรวจสแกนตับและถุงน้ำดี (Hepatobiliary Iminodiacetic Acid Scan: HIDA Scan) โดยการตรวจนี้จะช่วยแสดงภาพการผลิตและไหลเวียนของน้ำดีจากตับไปยังลำไส้เล็ก รวมทั้งปัญหาการอุดตันของน้ำดี ผู้ป่วยจะได้รับการฉีดสารทึบรังสีเข้าไปภายในร่างกาย ซึ่งสารทึบรังสีจะผสมกับเซลล์ที่ผลิตน้ำดี ทำให้เห็นภาพการไหลเวียนของน้ำดีในท่อน้ำดีได้
- การตรวจอื่นๆ หากจำเป็น เช่น เอกซเรย์ ทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ ซีทีสแกน (Computerized Tomography Scan: CT scan) ทำเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ เอ็มอาร์ไอ (Magnetic Resonance Imaging: MRI)
แนวทางการดูแลรักษา
- การรักษาเบื้องต้น ผู้ป่วยที่เป็นถุงน้ำดีอักเสบต้องนอนโรงพยาบาล เพื่อสังเกตุอาการ งดน้ำงดอาหารเพื่อให้ถุงน้ำดีมีการทำงานที่น้อยที่สุด และจะมีการให้การรักษาอีกหลายชนิดดังนี้
- การให้สารน้ำทางเส้นเลือด
- การแก้ค่าเกลือแร่ที่ผิดปกติจากผลเลือด
- การให้ยาแก้ปวดตามความเหมาะสม
- การให้ยาปฎิชีวนะทางเส้นเลือด
- การผ่าตัด การรักษาที่เป็นมาตรฐานคือการผ่าตัดเอาถุงน้ำดี (Cholecystectomy) ถ้าผู้ป่วยมีอาการใน 72 ชม. จะทำการผ่าตัดได้ง่าย แต่ถ้าอักเสบเกินกว่านั้น การผ่าตัดจะทำได้ยากขึ้น จึงอาจมีการให้ยาปฏิชีวนะก่อนและนัดผ่าตัดต่อไป 1-2 เดือน ในบางกรณีถ้าผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการผ่าตัดมาก เช่น อายุมาก มีโรคหัวใจรุนแรง อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะอย่างเดียว แต่ก็เสี่ยงต่อการเป็นโรคซ้ำได้ แต่ในบางครั้งผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อยาหรือมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดหรือถุงน้ำดีเป็นหนองและมีเนื้อตาย อาจต้องตัดสินใจผ่าตัดอย่างเร่งด่วน
แพทย์เฉพาะทางแนะนำ
อายุรแพทย์ระบบทางเดินอาหาร, กุมารแพทย์ ระบบทางเดินอาหาร กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี
ข้อควรระวัง
เมื่อสงสัย ควรรีบไปหาแพทย์ อย่ารอเวลาดูอาการเอง เนื่องจากถุงน้ำดีอักเสบสามารถมีภาวะแทรกซ้อนได้หลายหลาย และ อันตรายมาก ภาวะแทรกซ้อนของโรคถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน
- ถุงน้ำดีเป็นหนอง
- ถุงน้ำดีขาดเลือดมีเนื้อตาย
- ถุงน้ำดีแตก ติดเชื้อในช่องท้อง
- ติดเชื้อในกระแสเลือด อาจเสียชีวิตได้
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.bangkokhospital.com/content/acute-cholecystitis-and-laparoscopic-cholecystectomy






