โรค ชักเกร็ง (Seizure unspecified) เกิดจากอะไร และวิธีการรักษาเบื้องต้นเป็นอย่างไร

วันที่โพสต์:
feature-image-blurfeature-image

เขียนโดย

แชร์บทความ

share-optionshare-optionshare-optionshare-option

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค

การชักเกร็งเกิดจากความผิดปกติของสัญญาณไฟฟ้าในสมอง ซึ่งทำให้มีอาการหมดสติและมีการขยับของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ ส่วนใหญ่จะเป็นการกระตุกแขนและขาเป็นจังหวะทั่วทั้งตัว การชักเกร็งส่วนใหญ่จะเกิดและหยุดได้เองภายในไม่เกิน 2-3 นาที การชักเกร็งบ่อยๆครั้งจะเรียกว่าโรคลมชัก (epilepsy) การชักเกร็งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่นภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ การติดเชื้อภายในสมอง เลือดออกในสมอง สมองขาดเลือด การเสพย์ยาต่างๆ การดื่มเหล้าปริมาณมาก ภาวะขาดเหล้า ภาวะเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ หรือกรณีที่ไม่สามารถหาสาเหตุที่ชัดเจนได้ก็มีเช่นกัน

อาการของโรค

อาการของชักเกร็งสามารถมีได้หลายลักษณะ แต่ที่พบเจอได้บ่อยที่สุดจะมีลักษณะ ชักเกร็งกระตุกแขนและขาทั้งสองข้างเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอร่วมกับการที่ผู้ที่ชักมีภาวะหมดสติไม่รู้สึกตัว อาการเกร็งกระตุกมักเป็นไม่นาน ไม่เกิน 2-3 นาที หรือบางคนก็เป็นแค่หลักวินาที เพียงแต่ผู้ที่ชักมักจะมีอาการเบลอต่อเนื่องหรือไม่รู้สติเต็มที่ได้หลังจากที่หยุดชักไปอีกหลายนาทีขึ้นอยู่กับแต่ละคน ในบางคนในขณะที่มีอาการชักอยู่อาจจะมีอาการปัสสาวะ/อุจจาระราดร่วมด้วยได้

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรค

ใช้การซักประวัติและการตรวจร่างกายเป็นหลัก สิ่งสำคัญคือการซักประวัติให้ได้แน่นอนว่าเป็นการชักเกร็งจริงๆ ไม่ใช่ภาวะที่คล้ายกันเช่น การเกร็งของกล้ามเนื้อธรรมดา หรือการเป็นลมเฉยๆ ซึ่งต้องใช้การถามจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์โดยตรง และเมื่อแพทย์คิดว่าเป็นการชักเกร็งจริงๆแล้วนั้น จะมีการตรวจเพิ่มเติมต่อไปเพื่อหาสาเหตุของโรคต่อไป โดยอาจทำได้โดยการตรวจเลือด, การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง, การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองเป็นต้น

แนวทางการดูแลรักษา

ในกรณีที่ผู้ป่วยยังมีอาการชักเกร็งอยู่ จะสามารถทำให้หยุดขักเกร็งโดยการให้ยาหยุดขักเข้าสู่เส้นเลือด และนอนโรงพยาบาลเพื่อสังเกตุอาการและหาสาเหตุของการชักต่อไป การรักษาต่อเนื่อง แพทย์จะพิจารณาถึงความจำเป็นของการใช้การยากันชักเป็นสำคัญ บางกรณีแพทย์อาจจะยังพิจารณาไม่ต้องใช้ยากันชัก เนื่องจากยากันชักเป็นยาที่มีผลข้างเคียงของยาค่อนข้างมาก และต้องใช้การปรับยาอย่างเข้มงวด อีกทั้งยังต้องใช้ความร่วมมือของผู้ทานยาสูง

แพทย์เฉพาะทางแนะนำ

อายุรแพทย์ระบบประสาท, กุมารแพทย์ ระบบประสาท กรณีอายุน้อยกว่า 15 ปี

ข้อควรระวัง

ผู้ที่มีอาการชักเกร็ง ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ การปฎิบัติตัวของคนใกล้ชิดของผู้ที่มีอาการชักเกร็ง คือไม่ควรนำอะไรทั้งสิ้นเข้าไปในปากของคนไข้ เนื่องจากจะเกิดความเสี่ยงของการสำลักและอุดตันในหลอดลมทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถหายใจได้เอง สิ่งที่ควรทำคือจับผู้ป่วยนอนลงบริเวณพื้น จัดสิ่งรอบตัวผู้ป่วยให้ปลอดภัยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้จากสิ่งของตกหล่นกระทบกระแทก และหลังจากที่ผู้ป่วยหยุดชักเกร็งแล้ว ควรจะจับผู้ป่วยนอนตะแคง และสังเกตุอาการต่อเนื่อง และรอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์ในกรณีที่เรียกรถพยาบาล

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1340 https://www.cdc.gov/epilepsy/about/types-of-seizures.htm

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

article-cover
  • ศรีษะ
  • โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke unspecified)

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke unspecified)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค โรคหลอดเลือดสมอง (stroke) คือ ภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงเนื่องจากหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทำลาย การทำงานของสมองหยุดชะงัก เกิดขึ้นกับส่วนใดของสมองก็ได้ อาการของผู้ป่วยจะแตกต่างกันไปตามบริเวณของสมองที่ขาดเลือด ความผิดปกติของหลอดเลือดสมองที่ทำให้สมองขาดเลือด แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1. หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (ischemic stroke) เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง พบได้ประมาณ 80% หลอดเลือดสมองอุดตันเกิดไ

article-cover
  • ศรีษะ
  • เวียนศีรษะจากการเปลี่ยนท่าทาง (Postural hypotension)

เวียนศีรษะจากการเปลี่ยนท่าทาง (Postural hypotension)

ข้อมูลโรคและสาเหตุการเกิดโรค ในคนปกติ เมื่อลุกขึ้นยืนจะมีเลือดคั่งที่เท้า ระบบประสาทจะส่งสัญญาณให้หลอดเลือดแดงหดตัวทันทีเพื่อคงระดับความดันเลือด และ มีเลือดที่ไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอ แต่ในบางราย ระบบประสาทมีความผิดปกติ หรือ บางรายมีปริมาณเลือดไหลเวียนน้อยกว่าคนปกติ เมื่อยืนขึ้น เกิดความดันตกและการไหลเวียนของเลือดไปที่สมองลดลง มีอาการหน้ามืด วิงเวียนคล้ายจะเป็นลมชั่วขณะ เรียกความดันในลักษณะนี้ว่า ความดันตกในท่ายืน สาเหตุความดันตกในท่ายืนที่พบได้บ่อย * อายุที่มากขึ้น * ปริมาตรเลือดลดลงจากจากภาว