แก้ไขล่าสุด: 23 มกราคม 2566
เขียนโดย
Agnos Team
แชร์
วันนี้ Agnos จะมารวบรวมคำถามจาก กระทู้ถามแพทย์ของ Agnos เป็นคำถามที่พบเจอได้บ่อยเกี่ยวกับเรื่องเพศ ไม่ว่าจะเป็น โรคทางเพศหรือเพศสัมพันธ์ก็ตาม !
โดยการตั้งกระทู้ถามตอบกับแพทย์บน กระทู้ถามแพทย์ของ Agnos นั้นไม่ระบุชื่อหรือตัวตนของผู้ถามแน่นอน ปลอดภัย ไม่ต้องกังวล !
เรามาเริ่มกันที่คำถามแรกกันเลย !
คำถามที่ 1
คำตอบ : หากเป็นแผลใหญ่ ไม่ใช่ถลอก อาจเป็นโรคติดต่อทาง
เพศสัมพันธ์ อาจเป็นแผลริมอ่อน ควรงดมีเพศสัมพันธ์สองอาทิตย์และควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม
แผลริมอ่อนคืออะไร..?
แผลริมอ่อน คือโรคติดต่อทาง ‘เพศสัมพันธ์’ ชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus Ducreyi
ผู้ติดเชื้ออาจมีตุ่มนูนแดง ตุ่มหนองและอาจพัฒนากลายเป็นแผลได้ โดยแผลที่บริเวณอวัยวะเพศเหล่านี้อาจทำให้มีอาการเจ็บและปวดบริเวณแผล
กระทู้ : https://bit.ly/3ZSFaFX
คำถามที่ 2
คำตอบ : อาจเป็นแผลริมอ่อนตามที่ได้วิเคราห์อาการกับทางแอปพลิเคชัน Agnos
ควรทานยาฆ่าเชื้อรักษาต่อเนื่องทั้งผู้ป่วยและคู่นอน และงดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหายดี
กระทู้ : https://bit.ly/3D7ePu8
คำถามที่ 3
คำตอบ : ลักษณะตุ่มเล็กๆ ไม่เจ็บ ไม่คันบริเวณอวัยวะเพศเป็นลักษณะที่พบได้ปกติ ตุ่มเหล่านั้นอาจเป็นตุ่มไขมัน หรือตุ่มผิวหนังธรรมดา ไม่ใช่โรค
สำหรับเรื่องโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มีหลายโรคและช่องทางการติดเชื้ออาจไม่เหมือนกัน จึงสามารถติดได้หลายช่อง
ทางบางโรคอาจไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ก็สามารถติดเชื้อได้ เช่น HIV เพราะอาจติดเชื้อจากการรับเลือดของผู้ติดเชื้อก็ได้ รวมถึงหูดและเริม อาจติดจากการสัมผัสก็ได้
กระทู้ : https://bit.ly/3HlIvpQ
คำถามที่ 4
คำตอบ : ก้อนที่บริเวณระหว่างอัณฑะกับทวาร เกิดได้จากหลายสาเหตุ
หากก้อนมีลักษณะบวมและแดงร้อน จนทำให้เกิดอาการปวดอาจเป็นฝีหนองได้
การรักษาคือการทานยาฆ่าเชื้อ เช่น ยาClindamycin
แต่หากก้อนไม่ได้มีลักษณะดังกล่าว อาจเกิดจากต่อมน้ำเหลืองอักเสบจากโรคติดเชื้อเพศสัมพันธ์ หรือสาเหตุอื่นๆได้ หมอแนะนำให้ไปตรวจเพิ่มเติม เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องต่อไปครับ
กระทู้ : https://bit.ly/3J2hF7s
คำถามที่ 5
คำตอบ : อาการคนไข้อาจเกิดจากผิวหนังอักเสบจากการติดเชื้อ
การรักษาเบื้องต้นหมอแนะนำทานยาฆ่าเชื้อ เช่น Dicloxacillin ร่วมกับยาทาฆ่าเชื้อ เช่น Clindamycin ประมาณ 5-7 วัน
หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง แนะนำให้ไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลหรือคลินิกต่อไปครับ
กระทู้ : https://bit.ly/3QXZXDU
คำถามที่ 6
คำตอบ : อาการแสบช่องคลอด ร่วมกับปวดท้องน้อยและตกขาวผิดปกติ มักเกิดจากภาวะมดลูกอักเสบ หรือช่องคลอดอักเสบครับ
ส่วนหนึ่งเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช้ถุงยางอนามัย
การรักษาหลักจะเป็นการทานยาฆ่าเชื้อ เช่น Azithromycin 1 gram และ Doxycycline นาน 7 วัน
อาการแสบคันช่องคลอด และปวดท้องน้อยจะค่อยๆดีขึ้น หากทานยาไป 3-5 วัน อาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง หมอแนะนำให้ไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจร่างกายและทำการตรวจเพิ่มเติมอื่นๆต่อไปครับ
สำหรับอาการปัสสาวะแสบขัดนั้นอาจเกิดจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือท่อปัสสาวะอักเสบก็ได้ การรักษาหลักจะเป็นการทานยาฆ่าเชื้อ เช่น Ciprofloxacin หากปัสสาวะแสบขัดและอาการปวดท้องน้อยรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถทานยาแก้อักเสบ เช่น Ibuprofen, Mefenamic acid เพื่อช่วยบรรเทาอาการได้ครับ
กระทู้ : https://bit.ly/3wkWqGf
คำถามที่ 7
คำตอบ : อาการปวดท้องน้อยของคนไข้ อาจเกิดจากมดลูกอักเสบ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือภาวะแทรกซ้อนของมดลูกอื่นๆก็ได้ครับ
หมอแนะนำให้ไปตรวจเพิ่มเติมที่คลินิกนรีเวชหรือโรงพยาบาล หากปัสสาวะผลปกติ อาจต้องทำการอัลตร้าซาวด์ร่วมกับตรวจภายในเพื่อหาสาเหตุต่อไป เพื่อให้ได้การรักษาที่ถูกต้องกับโรคครับ
กระทู้ : https://bit.ly/3H3jr5L
นี่เป็นเพียงตัวอย่างคำถามในกระทู้ถามแพทย์บนเว็บไซต์ของ Agnod เพียงเท่านั้น หากใครมีคำถามที่อยากถาม แต่ไม่กล้าเปิดตัว สามารถเข้ามาถามได้ที่ กระทู้ถามตอบ ได้เลย !
ไม่มีการเปิดเผยตัวตน มีผลวิเคราะห์จาก AI ของทางแอปพลิเคชัน และคำถามที่ผู้ถามต้องการถามเท่านั้น !
หรือใครอยากเข้ามาอ่านว่าเราเองก็มีอาการแบบนี้ คนอื่นเป็นเหมือนกันมั้ย ? ก็สามารถเข้ามาที่กระทู้ถามแพทย์ของทาง Agnos ได้เลย !
อ้างอิง : https://www.pobpad.com/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99
https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=802#:~:text=%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99,%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1
เขียนโดย
Agnos Team
แชร์
บทความนี้มีประโยช์นสำหรับคุณหรือไม่ ?