มะเร็งปอด ภัยร้ายที่อยู่รอบตัว


Written by
Topic
มะเร็งปอด ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในชนิดของมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุดชนิดหนึ่ง โดยความน่ากลัวของมะเร็งปอดคือ ผู้ป่วยในระยะแรกๆอาจไม่มีอาการใดๆเลยก็ได้ และอาจรู้ตัวเมื่อสายไปแล้ว !
วันนี้ Agnos จะพามาทำความรู้จักกับมะเร็งปอด สัญญาณเตือนของโรคและวิธีสังเกตอาการของตัวเองกัน !
ก่อนอื่น…เรามาทำความรู้จักกับ มะเร็ง กันก่อน
มะเร็ง คืออะไร ?
มะเร็ง คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ที่เติบโตผิดปกติในอวัยวะส่วนต่างๆของเรา จนทำให้เป็นเป็นก้อนเนื้อร้ายที่ลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียง หรือ กระจายไปยังอวัยวะส่วนต่างๆ โรคมะเร็งนั้นมีหลายแบบขึ้นอยู่กับจุดกำเนิดโรคและชนิดของเซลล์มะเร็ง
โดยทั่วไปมะเร็งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้
- มะเร็งที่มีจุดกำเนิดเยื่อบุอวัยวะต่างๆ (Carcinoma)
- มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก (Leukemia) ทำให้มีความผิดปกติของเม็ดเลือด
- มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากกระดูก (Sarcoma) กระดูกอ่อน ไขมัน กล้ามเนื้อ หรือ เส้นเลือด
- สมองและไขสันหลัง (Central Nervous System Cancer)
- มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกัน (Lymphoma and Myeloma)
ระยะของมะเร็งทั่วไป
ระยะของมะเร็งคือหนึ่งในข้อบ่งชี้ของความรุนแรง และบอกแนวทางของการรักษา
อย่างที่หลายๆคนรู้ โดยทั่วไปมะเร็งมี 4 ระยะ ได้แก่
มะเร็งระยะที่ 0
คือ มะเร็งระยะต้นๆ (Carcinoma in site) โดยจะอยู่บริเวณชั้นของเซลล์ปกติยังไม่แทรกเข้าไปในเนื้อเยื่อ
ปกติตรวจพบเซลล์ที่ผิดปกติบริเวณผิวนอกสุดและยังไม่ใช่เซลล์มะเร็ง แต่เซลล์ที่ผิดปกตินี้อาจกลายเป็นเซลล์มะเร็งและกระจายไปยังเนื้อเยื่อบริเวณอื่นได้
มะเร็งระยะที่ 1
โดยส่วนมากในระยะที่ 1 จะสามารถเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรือตาเปล่า เพราะมีขนาดตั้งแต่ 3-5 เซนติเมตร มะเร็งระยะนี้จะยังคงอยู่ในอวัยวะที่เกิดมะเร็งเท่านั้น
มะเร็งระยะที่ 2
มะเร็งอาจกระจายออกไปในบริเวณใกล้เคียงอวัยวะที่กำเนิดมะเร็ง และอาจแพร่ไปยังอวัยวะหรือต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงด้วย
มะเร็งระยะที่ 3
มะเร็งอาจกระจายออกไปยังต่อมน้ำเหลือง ขนาดของก้อนอาจต่างกัน
มะเร็งระยะที่ 4
เซลล์มะเร็งกระจายออกไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น ตับ ลำไส้ หรือปอด
นอกจากนี้เซลล์มะเร็งจะแบ่งตัว เติบโต และร่างกายของเราอาจไม่สามารถควบคุมการเติบโตลุกลามได้ มะเร็งอาจเข้าไปในอวัยวะใกล้เคียง โดยอาจเข้าผ่านกระแสเลือด หรือต่อมน้ำเหลืองได้ ซึ่งเรียกว่าการลุกลามแพร่กระจาย (Metastasis)
นอกจากนี้ 4 ระยะของมะเร็งยังสามารถแบ่งย่อยออกไปได้อีกเป็น A B C หรือ 0 1 2 ด้วย เนื่องจากบางทีเซลล์อาจมีลักษณะเป็นเซลล์มะเร็ง แต่ยังไม่มีการรุกรานไปยังอวัยวะใกล้เคียง
มะเร็งปอดล่ะ…?
ส่วนมะเร็งปอดง่ายๆคือ เซลล์ที่เจริญเติบโตผิดปกติบริเวณ ปอด หรือลามมาที่บริเวณปอดนั่นเอง
มะเร็งปอดสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ตามขนาดของเซลล์คือ มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small cell lung cancer) และมะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (Non-small cell lung cancer)
- มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small cell lung cancer) เป็นชนิดที่สามารถแพร่กระจายได้รวดเร็ว จึงทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตมากขึ้นและเร็วขึ้น พบได้ประมาณ 10-15% ของผู้ป่วยมะเร็งปอด
มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก จะใช้วิธีการรักษาโดยการฉายรังสี
โดย Small cell lung cancer สามารถแบ่งออกเป็น 2 ระยะคือ
- ระยะจำกัด (Limited Stage) คือระยะที่จะพบเซลล์มะเร็งที่ปอดและต่อมน้ำเหลืองข้างเดียวกัน 1 ข้างเท่านั้น
- ระยะลุกลาม (Extensive Stage) คือระยะที่จะพบเซลล์มะเร็งลุกลามและกระจายไปทั่วปอด นอกจากนี้เซลล์มะเร็งอาจออกนอกบริเวณช่องทรวงอกของข้างนั้น ไปสู่ของเหลวบริเวณรอบๆปอด และสามารถกระจายไปที่อวัยวะอื่นได้
2. มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (Non-small cell lung cancer) แพร่กระจายช้ากว่าและสามารถรักษาให้หายได้ หากพบตั้งแต่ระยะแรกๆ สามารถรักษาได้โดยการผ่าตัด พบประมาณ 85-90% ของผู้ป่วยมะเร็งปอด
อะไรทำให้เรา เสี่ยง..มะเร็งปอด ?
แน่นอนว่าการสูบบุหรี่ หรือการสูดควันบุหรี่คงจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เรารู้จักและคุ้นเคยกันดี แต่จริงๆแล้วปัจจัยเสี่ยงมะเร็งปอดอาจจะไม่ได้อยู่แค่บุหรี่ หรือควันบุหรี่ก็ได้ !
- การสูบบุหรี่ แน่นอนว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดมะเร็งอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น และผู้ที่สูบบุหรี่อาจมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนไม่สูบถึง 10 เท่า นอกจากนี้ยังอาจเสี่ยงเป็นมะเร็งชนิดอื่นๆอีกด้วย
- ควันบุหรี่มือสอง หรือควันบุหรี่ที่เราสูดเข้าไปแม้ไม่ได้สูบบุหรี่นั้น ก็อาจทำให้สารพิษตกค้างในปอด หรือร่างกายเรา จนทำให้เราเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดได้
- การทำงานในที่ๆมีสารพิษ หรือสารก่อมะเร็ง เช่น
โรงงานเคมีต่างๆ การมีการสัมผัสกับนิกเกิล ไยแร่หิน เป็นต้น
- ฝุ่นละอองพิษ ไม่ว่าจะเป็น PM 2.5 ที่เราคุ้นเคยกันดี อาจทำให้เรามีความเสี่ยงเป็นมะเร็งมากกว่าปกติถึง 1 -1.4 เท่าตัวเลยทีเดียว
- โรคปอด โดยผู้ที่เคยเป็นโรคปอด เช่น วัณโรคปอด หรือโรคถุงลมโป่งพอง อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนทั่วไป
- พันธุกรรม ถึงแม้โรคปอดจะไม่ได้ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแต่มีการค้นพบว่า ผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งปอด ก็อาจทำให้สมาชิกคนอื่นๆเสี่ยงมะเร็งปอดมากขึ้นเช่นกัน
อาการแบบไหนเป็นสัญญาณเตือนมะเร็งปอด ?
- ไอเรื้อรัง
- ไอมีเสมหะปนเลือด หรือไอเป็นเลือด
- หายใจลำบากมีอาการหอบเหนื่อย
- หายใจไม่สุด หายใจสั้น
- หายมีเสียงวี้ด
- มีอาการเจ็บหน้าอกบ่อยๆ
- เสียงแหบ เสียงเปลี่ยน อาจเกิดจากการลุกลามของมะเร็งไปที่บริเวณเส้นประสาทกล่องเสียง
- มีอาการปอดติดเชื้ออยู่บ่อยๆ
- เหนื่อยง่าย รู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ่อยๆ
- อาจมีอาการปอดอักเสบและมีไข้ร่วมด้วย
อาการอื่นๆ เช่น
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักลด
- อาจมีอาการบวมที่แขน คอ และทรวงอกส่วนบน
- ปวดกระดูก
- กลืนลำบาก อาจเกิดจากก้อนเนื้อมะเร็งเบียดหลอดอาหาร
- มีตุ่มหรือก้อนขึ้นบริเวณผิวหนัง
- ในบางรายอาจเป็นอัมพาต เนื่องจากมะเร็งได้แพร่กระจายไปบริเวณยังสมองและกระดูกไขสันหลัง
อาการข้างต้นอาจมีอาการบางอย่างที่คล้ายๆโรคปอดอื่นๆ หากมีอาการไม่สบายใจใดๆ สามารถเช็กอาการเบื้องต้นด้วย AI หรือสอบถามปรึกษาแพทย์ได้ที่แอปพลิเคชัน Agnos ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
หากเรามีความเสี่ยงและต้องการไปตรวจมะเร็งปอด เราจะเจออะไรบ้าง ?
การวินิจฉัยมะเร็งปอด นอกจากการซักประวัติต่างๆแล้ว อาจมีการใช้เครื่องเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ (Low-Dose Computerized Tomography :LDCT) เพื่อตรวจคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่สูบบุหรี่จัด หรือผู้ที่มีประวัติ หรือสมาชิกในครอบครัวเป็นมะเร็งปอด หรือโรคปอดเรื้อรัง
นอกจากนี้ยังมีวิธีการตรวจหามะเร็งอื่นๆอีก คือ
- การทำ CT สแกน
- การเอ็กซ์เรย์ปอด
- การส่องกล้องหลอดลมปอด (Bronchoscopy)
- ตัดชิ้นส่วนเนื้อเพื่อไปตรวจสอบถามพยาธิวิทยา (Biospy)
- การส่องกล้องในช่องทรวงอก (Mediastinoscopy)
หากมีการตรวจพบว่ามีเซลล์มะเร็งบริเวณปอด แนวทางการรักษาอาจขึ้นอยู่กับขนาดและระยะของมะเร็งปอดนั่นเอง
แนวทางการรักษา
- การผ่าตัด โดยจะผ่าตัดให้ผู้ป่วยที่เซลล์มะเร็งยังไม่ได้มีการแพร่กระจาย หรือแพร่กระจายไปเพียงต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น
- การฉายรังสี อาจเป็นหนึ่งในวิธีที่หลายๆคนคุ้นเคยกัน
- การให้เคมีบำบัด โดยเป็นการให้ยาผ่านทางการฉีดและสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้
- ให้ยามุ่งเป้าทำลายเซลล์มะเร็ง โดยจะมีผลต่อเซลล์มะเร็งเป็นหลัก มีผลต่อเซลล์อื่นๆน้อย
- การรักษาโดยภูมิคุ้มกันบำบัด เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาแบบใหม่ โดยจะเป็นการให้ยาเพื่อไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยไปทำลายเซลล์มะเร็ง และมีผลข้างเคียงน้อยนั่นเอง
มะเร็งปอดหายขาดได้มั้ย ?
หากพบเจอตั้งแต่ระยะแรกๆ มีโอกาสหายขาดมากกว่า 90%
ไม่อยากเป็นมะเร็งปอดทำยังไงล่ะ..?
การป้องกันมะเร็งปอดสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการ
- ไม่สูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงที่ๆมีมลภาวะเป็นพิษ เช่น ที่ๆมีฝุ่น หรือควันเยอะๆ
- สวมใส่หน้ากากอนามัย
- หมั่นตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
- ออกกำลังกายและกินอาหารที่มีประโยชน์
ถึงแม้คำว่ามะเร็งอาจฟังดูน่ากลัว แต่หากพบตั้งแต่ระยะแรกๆ ก็สามารถหายขาดได้อย่างแน่นอน โดยการหมั่นสังเกตอาการตัวเอง ไม่ปล่อยให้มีอาการป่วยเรื้อรัง และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ อาจเป็นวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดนั่นเอง
Agnos ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ผู้ป่วยทุกๆคน และขอเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงให้ทุกๆคนรักษาสุขภาพและหมั่นเช็กร่างกายของตัวเองอยู่เสมอๆ !
อ้างอิง : https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/lung-cancer
https://www.bumrungrad.com/th/conditions/lung-cancer
https://www.agnoshealth.com/articles/world-cancer-day











